รมว.ยธ. ให้ราชทัณฑ์-สยจ. จัดหาทนายความช่วยนักโทษยื่นคำร้องศาลปรับโทษตามกม.ยาเสพติดใหม่

รมว.ยุติธรรม ให้ราชทัณฑ์-สยจ. จัดหาทนายความช่วยผู้ต้องขังยื่นคำร้องศาลปรับโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ให้รู้ ชี้เป็นสิทธิที่ทุกคนต้องได้รับ ทำตามนโยบายนายกฯ ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ที่กระทรวงยุติธรรม มีการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่างๆ และผู้บริหารเข้าร่วมการประชุม

โดยที่ประชุมมีการรายงานความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ผู้ต้องขังที่เกือบครบ 100% แล้วเหลือเพียงผู้ป่วยที่เพิ่งหายจากโควิด รวมทั้งการรายงานการสำรองยาฟ้าทะลายโจรที่ขณะนี้มีเพียงพอกับผู้ต้องขังเฉลี่ยคนละ 77 เม็ด รวมทั้งมีสำรองที่ส่วนกลางอีก 1.1 ล้านเม็ด และที่ประชุมยังได้กำชับเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณให้ใช้อย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีการสรุปโครงการฝึกวิชาชีพสำหรับผู้ต้องขัง เรื่องการเลี้ยงสุนัขเพื่อพัฒนาพฤตินิสัย โดยนายสมศักดิ์ ได้เน้นย้ำให้การฝึกอาชีพของผู้ต้องขังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อประกอบอาชีพในอนาคตภายหลังการพ้นโทษไปแล้ว และยังมีการหารือถึงการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 และจะมีการเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่สโมสรกองทัพบก โดยจะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาเปิดงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 และจะมีการปรับอัตราโทษใหม่ ซึ่งจะมีผู้ต้องขังที่ได้รับประโยชน์จากประมวลกฎหมายยาเสพติด เข้าเกณฑ์การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้กำหนดโทษใหม่ จำนวน 38,556 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มนักโทษตามคำพิพากษาเดิมเกินกว่าอัตราโทษสูงสุดของประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ แต่จำคุกยังไม่ถึงอัตราโทษสูงสุดของกฎหมายใหม่ จำนวน 38,032 ราย กลุ่มนักโทษตามคำพิพากษาเดิมเกินกว่าอัตราโทษสูงสุดและจำคุกมาแล้วเกินกว่าอัตราโทษสูงสุด 524 ราย ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการแล้ว เช่น ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ต้องขังทราบ ถึงการประกาศใช้กฎหมาย การสำรวจผู้ต้องขังที่อยู่ในข่ายอาจได้รับประโยชน์ จากประมวลกฎหมายยาเสพติด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังในการจัดทำคำร้อง และรายงานผลการดำเนินงานให้กรมราชทัณฑ์ได้รับทราบ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกองทุนยุติธรรม จะมีการจัดเตรียมทนายความให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังที่จะยื่นคำร้อง และได้ให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัด (สยจ.) ศึกษาทำความเข้าใจและการใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ให้ สยจ. ประสานความร่วมมือไปยังเรือนจำและทัณฑสถานในพื้นที่รับผิดชอบ และลงพื้นที่เรือนจำและทัณฑสถานในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามแผนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับประมวลกฎหมายยาเสพติด  และติดตามผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอกำหนดโทษใหม่และผลการพิจารณาคำร้องจากศาลของเรือนจำและทัณฑสถานในพื้นที่รับผิดชอบ และหากปรากฏกรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ของผู้ต้องขังหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้สนับสนุนการติดตามผลการพิจารณาคำร้องของศาลที่รับผิดชอบ

“เมื่อประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ จะมีการปรับโทษใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งกฎหมายที่เป็นคุณ จะส่งผลย้อนหลัง ทำให้ผู้ต้องขังเดิมมีสิทธิในการยื่นขอปรับอัตราโทษได้ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์และกองทุนยุติธรรมก็ต้องให้การช่วยเหลือ ทั้งการยื่นคำร้อง การจัดหาทนายความ ตามสิทธิที่ผู้ต้องขังควรจะได้รับ และผมได้ให้กรมราชทัณฑ์ ดูแลจัดการให้ดี โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ต้องดำเนินการในส่วนนี้ หากคนไม่พอก็ให้จัดสรรเพิ่ม เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น