การประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อลงมติร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. (แก้ไขมาตรา 83 และ มาตรา 91 ว่าด้วยระบบเเลือกตั้ง) วาระสาม หลังจากครบกำหนดเวลา
โดยก่อนการลงคะแนน นายชวน แจ้งต่อที่ประชุมว่า คะแนนเห็นชอบตามเงื่อนไข ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กำหนด มีเงื่อนไข คือ 1. มีคะแนนเสียงเห็นด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ที่มี 730 คน แบ่งเป็นส.ส. 480 คน และ ส.ว. มี 250 คน ดังนั้นต้องได้เสียงเกิน 365 เสียงขึ้นไป, 2. ต้องได้เสียง พรรคการเมืองที่ไม่มีรัฐมนตรี ประธานสภาฯ และรองประธาน ร่วมออกเสียงเห็นชอบด้วย 20% ของทุกพรรคการเมือง โดยปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 242 คน ดังนั้นต้องได้ 49 คน และ 3. ต้องมีส.ว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1ใ น3 คือ 84 เสียง
“หากไม่ถึงจำนวนไม่ว่ากรณีใด เท่ากับว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้รับความเห็นชอบ สำหรับการออกเสียงลงคะแนนวาระสาม จะใช้การเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย สำหรับสมาชิกรัฐสภาที่มาออกเสียงไม่ทันตอนเรียกชื่อ หรือลงคะแนนผิดไป ตนจะอนุญาติให้ลงคะแนนให้ครบถ้วน สำหรับการประมวลผลการลงคะแนนจะใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยการนับคะแนนเพื่อให้การรวบรวมคะแนนเป็นไปโดยรวดเร็ว” นายชวน ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนการลงคะแนนนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยเสนอให้เปลี่ยนการลงคะแนนโดยเริ่มจาก ส.ว. 250 คน หากได้เกิน 85 เสียงจึงให้ส.ส.ลงคะแนนต่อไปเพื่อไม่ให้เสียเวลาและเสี่ยงในสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้นายชวน กล่าวตอบว่า ที่เสนอไม่เป็นไปตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ
จากนั้นในเวลา 09.40 น. ได้เริ่มนับคะแนน และนับเสร็จเมื่อเวลา 11.35 น.โดยผลการลงคะแนนพบว่า รัฐสภาลงมติเห็นชอบ 472 เสียง เป็น ส.ส. 323 เสียง และ ส.ว. 149 เสียง , ไม่เห็นชอบ 33 เสียง แบ่งเป็น ส.ส. 23 เสียง และ ส.ว. 10 เสียง และงดออกเสียง 187 เสียง แบ่งเป็น ส.ส.121 เสียง และส.ว. 66 เสียง