ตำรวจ จัดกำลัง 38 กองร้อย คุมม็อบ 7 ส.ค. เตือน ห้ามล้ำเส้นแนวเตือนของเจ้าหน้าที่

ตำรวจ จัดกำลัง 38 กองร้อย คุมม็อบ 7 ส.ค. เตือน ห้ามล้ำเส้นแนวเตือนของเจ้าหน้าที่ หรือหากพบใช้ความรุนแรงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ตามหลักสากล เพื่อระงับเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย พร้อมแนะประชาชนหลีกเลี่ยง13เส้นทางโดยเฉพาะถนนราชดำเนิน

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว เตรียมความพร้อมการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค. ที่จะมีการชุมนุมทั้งหมด 3 กลุ่มคือ กลุ่มเยาวชนปลดแอก นัดหมายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเคลื่อนขบวนไปพระบรมมหาราชวัง /กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย  นัดหมายที่สะพานผ่านฟ้า เคลื่อนขบวนไปหน้าทำเนียบรัฐบาล และกลุ่มแดงก้าวหน้า เคลื่อนตัวมาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จึงขอย้ำว่า กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การชุมนุมจึงไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ทั้งนี้ขอเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า หากมีการกระทำผิดใดๆในเขต กทม. ผบช.น.เน้นย้ำว่า ทุกคดีจะต้องถูกดำเนินคดีถึงที่สุด

โดย พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า ตำรวจจะมีการตั้งแนวเตือน เพื่อดูแลสถานการณ์ไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งแนวเตือนสุดท้าย คือโรงแรมรัตนโกสินทร์ ให้มาได้แค่นั้น ไม่ให้ล้ำแนวไปกว่านั้น ส่วนกลุ่มที่นัดสะพานผ่านฟ้า ก็ให้ใช้เส้นทางไปทางนางเลิ้ง และจะปิดแนวเตือน บริเวณพาณิชย์พระนคร ซึ่งจากการประเมินกลุ่มที่จะต้องเฝ้าระวัง คือกลุ่มเดิมที่ใช้วิธีการเดิมๆ ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ และสิ่งที่เตรียมมาเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่าฝืนกฎหมาย และพยายามบุกไปในสถานที่ราชการ ทั้งนี้ก็จะต้องเฝ้าระวังและต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยบช.น.ตั้งจุดตรวจค้นโดยรอบพื้นที่ 14 จุดเพื่อตรวจค้นอาวุธ เหตุร้าย และป้องกันบุคคลที่สาม และยืนยันว่า การปฏิบัติทุกครั้ง ตำรวจทำสมควรกว่าเหตุเพื่อป้องกันเหตุร้ายการรุกลามใหญ่โต และในทุกครั้งเจ้าหน้าที่มีเหตุมีความจำเป็นต้องทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันเหตุ และต้องระงับเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุด้วยว่า ไม่ว่าผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไปไหนก็ผิดกฎหมาย แนวรั้งหน่วง หรือแนวเตือนของเจ้าหน้าที่ ก็เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ถ้าหากเลวร้ายลง และมีผลกระทบเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และไม่ให้สร้างความเดือดร้อนกับประชาชน

ขณะที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวถึงการจราจรว่า ในวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งมีการรวมตัวสองจุดหลัก คือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสะพานผ่านฟ้า เส้นทางที่ได้รับผลกระทบคือ 13 เส้นทาง โดยเส้นทางหลักคือ ถนนราชดำเนิน จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว ทั้งนี้กรณีที่ประชาชนจะเดินทางข้ามฝั่งกทม.กับฝั่งธน ควรหลีกเลี่ยงสะพานพระปิ่นเกล้าฯ ให้ไปใช้สะพานพระราม8 หรือสะพานกรุงธนแทน

สำหรับการดูแลความสงบเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้ จะใช้กำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 38 กองร้อย หรือ กว่า 5,800 นาย ในการดูแลสถานการณ์ และจากการข่าวอาจจะมีการกระทบกระทั่งรุนแรง ตำรวจจึงอยากให้ฟังสัญญาณ จากผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยของสื่อมวลชน และประชาชน

แสดงความเห็น