บช.น. เตรียมแผนดูแลการชุมนุม วอนผู้ชุมนุมไตร่ตรองปิดจราจร หน้ารพ.จุฬาฯ

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงเตรียมการรับมือ การชุมนุมของกลุ่มรีเด็ม และการหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจร

โดยพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันนี้จะมีกลุ่มหลักๆ นัดหมายรวมตัวทำกิจกรรมดังนี้ 1.กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่ม REDEM นัดหมายเวลา 16.00 น. ที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์-สวนลุมพินี 2.กลุ่มอาชีวะคนพันธ์ R นำโดยนายธนเดช หรือม่อน ศรีสงคราม นัดหมายจะเดินทางมารัฐสภา 3.กลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายรวมกลุ่มที่แยกดินแดง บช.น.

ทั้งนี่ขอเตือนว่า กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 10 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ อีกส่วนหนึ่งหากมีพฤติการณ์กระทำผิดอื่นๆอาจจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องด้วยโดยทาง บช.น. ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้แล้ว

ส่วนกรณีการชุมนุมของวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กลุ่มทะลุแก๊สเริ่มรวมกลุ่มเวลา 16.35 น. ที่แยกดินแดง ได้ทำผิดกฎหมายหลายอย่าง มีการขว้างปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊ก พลุ ประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ระเบิดแสวงเครื่องต่างๆ ,วางแผงเหล็กปิดการจราจร ,จุดไฟเผาสิ่งของบริเวณใต้ทางด่วน เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์ของทางราชการ และเอกชนเสียหายจำนวนหนึ่ง โดย บช.น. จะทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบบุคคลที่ได้กระทำผิดในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายทุกรายตามความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, รวมกลุ่มมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ,วางเพลิงเผาทรัพย์ ,ทำให้เสียทรัพย์ และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 10 คน เป็นเยาวชน 2  คน จับกุม ผู้ใหญ่ 8 คน พร้อมของกลางรถเครื่องขยายเสียง 3 คัน ที่ใช้ในการปราศรัยบริเวณแยกราชประสงค์ ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนร่วมกัน มากกว่ายี่สิบห้าคนในเขตพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคฯ นอกจากนี้จับกุมเยาวชน 2 ราย ที่บริเวณถนนดินแดง ก่อนทางลงอุโมงค์ดินแดง ในข้อหา “ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯออกนอกเคหสถาน ในระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น.”

พล.ต.ต.ปิยะ ยังได้สรุปภาพรวมการชุมนุมตั้งแต่เดือนก.ค.64-ถึงปัจจุบัน ว่า สามารถดำเนินคดีได้ 176 คดี มีผู้ต้องหา 660 คน จับกุมแล้ว 403 คน

ส่วนกรณีของกลุ่มรีเด็มเป้าหมายต้องการอะไรและจะมีการปะทะหรือไม่นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ผู้ชุมนุมมีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกและปฏิรูปสถาบัน มีการเรียกร้องต่างๆ จึงอยากให้แก้ไขปัญหาตามกระบวนการ ระบบและแนวทางที่มีอยู่ หากเคลื่อนไหวนอกสภาจะละเมิดกฎหมาย  ส่วนแนวปะทะนั้น ตำรวจไม่ได้ต้องการปะทะกับใคร แค่รักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้น ทั้งนี้มีการข่าวอาจจะกระทำการไม่สมควรกับอนุสาวรีย์ ร.6 เป็นหน้าที่ตำรวจที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดความเสียหายกับสถานที่

ส่วนการผลักดันออกจากรพ.จุฬาฯ นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจไม่อยากให้มาบริเวณนั้น การปิดการจราจรของกลุ่มผู้ชุมนุมทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนหลายจุด การข่าววันนี้จะมีการปิดการจราจรบริเวณหน้ารพ. ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายและก่อความเดือดร้อนประชาชนในภาพรวม ขอวิงวอนให้กลุ่มผู้ชุมนุมไตร่ตรองให้รอบครอบถึงการชุมนุมบริเวณดังกล่าว ส่วนการนำรถเครื่องเสียงมาจะต้องถูกยึด เพราะเป็นรถที่ใช้ในการกระทำผิด เจ้าของหรือผู้ให้ยืมต้องเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ว่ารถของท่านไปอยู่ในสถานที่ที่มีการละเมิดกฎหมายได้อย่างไร

แสดงความเห็น