นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ตนมีความสนใจที่จะใช้การตรวจสารเสพติดจากเส้นผมมาใช้ให้มากขึ้น โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้ามาทำงานในส่วนนี้ เพราะข้อดีคือได้ผลการตรวจที่แน่นอนและแม่นยำกว่าการตรวจปัสสาวะ แต่การตรวจจากเส้นผมนั้นสามารถตรวจแยกสารเสพติดได้มากถึง 10 ประเภท ระบุได้เลยว่ามีสารเสพติดประเภทไหนบ้าง และสามารถตรวจย้อนหลังได้นาน 6-7 เดือน ส่วนปัสสาวะ 3 วันก็แทบจะหาสารเสพติดไม่เจอ
“แต่ข้อเสียของการใช้เส้นผมนั้น คือ มีต้นทุนในการตรวจที่สูงมาก ใช้เวลาในการตรวจและแยกผลนานหลายวัน ทำให้ไม่สะดวกและไม่เกิดการใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งขณะนี้มีเพียงสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่สามารถตรวจได้ ซึ่งการตั้งด่านตรวจ การเข้าตรวจตามสถานบันเทิง หรือการตรวจเฉพาะหน้าเท่านั้น ยังไม่สะดวกในการใช้ ซึ่งการตรวจปัสสาวะจะสะดวกมากกว่า” รมว.ยุติธรรมกล่าว
ดังนั้นการตรวจเส้นผมเพื่อหายาเสพติด มีประโยชน์มาก แม้อาจมีข้อจำกัดบ้าง แต่ก็ต้องนำมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อให้คดีมีความชัดเจน การตรวจเช็คมีความแน่นอน คลายข้อกังขาให้สังคมได้ ซึ่งขณะนี้ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ได้ทำงานร่วมกับกรมพิพิจ คุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่จะตรวจหาสารเสพติดสำหรับผู้ที่พ้นโทษ หรือผู้บำบัดการติดยาเสพติด ว่าหลังจากออกไปแล้ว ยังมีการเสพยาเสพติดอีกหรือไม่ ซึ่งตรงนี้เราใช้ในการป้องกันมากกว่าการปราบปราม แม้การตรวจอาจจะล่าช้า หรืออาจไม่เหมาะกับการใช้ในเหตุเฉพาะหน้า เราในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ต้องนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อสังคม และ ประชาชน
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ เวลา 10.30 น. ตนจะเป็นประธานการเปิด “ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข” เพื่อรับเรื่องราวร้องเรียน ร้องทุกข์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะเป็นคดีในลักษณะแชร์ลูกโซ่ หรือคดีหุ้น ด้านสังคมก็เป็นเรื่องการจัดระเบียบ ทางอบายมุข ยาเสพติด และยังรวมถึง คดีเรื่องการบุกรุกป่าซึ่งเราจะมีหน่วยงานเข้ามาทำในส่วนนี้ ขณะเดียวกันในวันงาน จะมีผู้เสียหายในด้านต่างๆคาดว่าจะมีเป็นร้อยคดีที่เดินทางมายื่นหนังสือ ทั้งนี้ยังรวมถึงครอบครัวของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ ลัลลาเบล ก็จะเดินทางมายื่นหนังสือ ถึงแนวทางการขอความช่วยเหลือ กับตน เป็นครั้งแรกอีกด้วย
แสดงความเห็น
