ไทยสร้างไทย พรรคใหม่ เจ๊หน่อย เงินจากไหน-ใครนายทุน?

หากไม่เกิดโควิดระบาดหนักรอบสาม วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา คงได้เห็น การแถลงเปิดตัว-เปิดใจอย่างเป็นทางการของ “เจ๊หน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ในโอกาสครบรอบแซยิด 60 ปีวันเกิด คุณหญิงสุดารัตน์ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พ.ค. 

เพราะเดิมทีข่าวว่า เจ๊หน่อยวางโปรแกรมจะเปิดบ้านในซอยลาดปลาเค้า 60 โดยใช้โอกาสวันเกิด แถลงถึงการตั้งพรรค “ไทยสร้างไทย” อย่างเป็นทางการเสียทีกับสื่อทุกแขนงพร้อมกันทีเดียว หลังก่อนหน้านี้ เจ๊หน่อยและแกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย บางส่วนเดินสายพบสื่อไปแล้วแต่ยังแค่ไม่กี่สำนัก ตั้งแต่นายทะเบียนพรรคการเมือง อนุมัติการตั้งพรรคไทยสร้างไทยเมื่อช่วงปลายๆ เดือนมีนาคม แต่เมื่อโควิดระบาดหนัก เลยทำให้ สุดารัตน์ และทีมงาน ต้องพับแผนการเปิดตัว พรรคไทยสร้างไทย ไปก่อน เพื่อรอให้โควิดคลี่คลาย 

อย่างไรก็ตาม แม้ สุดารัตน์-พรรคไทยสร้างไทย ยังไม่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่สังคมการเมือง รับรู้กันหมดแล้วว่า สุดารัตน์ ก็คือ ผู้ก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย พรรคการเมืองใหม่บนสารบบพรรคการเมืองไทย หลังที่ผ่านมา เธอคืออดีตแกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย โดยเป็นที่รู้กัน เธอคือ หนึ่งในนักการเมืองคนสนิทของ ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรม  แต่มาวันนี้ เมื่อเลือกที่จะเดินออกจากเพื่อไทย เพราะอยู่แล้วเกิดปัญหาขัดแย้งกับแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายสาย โดยเฉพาะ “สายจันทร์ส่องหล้า-ตระกูลชินวัตร” 

แวดวงการเมือง เลยสนใจไม่น้อยว่า พรรคไทยสร้างไทย ของ สุดารัตน์ ที่รอบนี้ เจ๊หน่อย ทำหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ วางพิมพ์เขียว ก่ออิฐ ลงเสาเข็ม สร้างพรรคไทยสร้างไทย มาตั้งแต่ต้น แล้วหลังจากนี้ พรรคนี้ จะเดินไปได้ไกลสักแค่ไหน ยามที่ สุดารัตน์ ไม่ได้อยู่ใต้เงาของ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย อีกต่อไป 

ความเคลื่อนไหวของ สุดารัตน์-พรรคไทยสร้างไทย ข่าวที่ได้รับมาพบว่าแกนนำพรรค-ผู้สนับสนุนพรรคทั้งเปิดเผยและปิดลับ กำลังเร่งสาละวนตอกเสาเข็มตั้งพรรคกันอย่างหนัก โดยมีกระแสข่าวว่า การตั้งพรรคของ สุดารัตน์ รอบนี้ หัวเรือใหญ่ที่ทำงานอยู่ข้างหลัง แบบตัวเป็นเกลียว ตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนรู้ใจ-คู่ชีวิตของเจ๊หน่อย “เสี่ยจิ้น สมยศ ลีลาปัญญาเลิศ” ที่คอยช่วยคุมงาน เซ็ตระบบการจัดการพรรคทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน เพื่อช่วยสุดที่รัก หญิงหน่อย อย่างเต็มที่ เข้าทำนองสุภาษิตไทย “ผัวหาบเมียคอน” เหมือนตั้งใจสานฝัน ให้ สุดารัตน์  ไปถึงดวงดาว “นายกฯหญิงคนที่สองของประเทศไทย” ให้ได้   

ยิ่งสถานการณ์การเลือกตั้งรอบหน้าดูแล้ว เข้มข้นแน่นอน เพราะลำพังแค่พรรคการเมืองในปัจจุบันทั้งพรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน-พรรคเล็ก  ก็มีหลายพรรค และต่างก็แข่งขัน หาคะแนนเสียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร แล้วในอนาคต ก็ยังจะมี พรรคการเมืองตั้งใหม่ ที่ประกาศตัวแล้วและกำลังรอประกาศตัวอีกหลายพรรค ทำให้การแข่งขันระหว่างพรรคการเมือง ยามเมื่อการเลือกตั้งมาถึงจะดุเดือดแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ สุดารัตน์-แกนนำไทยสร้างไทย ต่างก็รู้ดี จึงต้องเร่งตั้งพรรค สร้างคะแนนเต็มที่กันตั้งแต่เนิ่นๆ 

เพราะลำพังแค่แข่งกันพรรคการเมืองขั้วอื่น ก็หนักอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ คนเคยอยู่พรรคเดียวกันที่ “พรรคเพื่อไทย” ก็จ้อง “สกัด-เตะตัดขา” พรรคไทยสร้างไทย ทุกจังหวะ 

เช่น มีข่าวว่า แกนนำเพื่อไทย สายชินวัตรและสายเสี่ยเพ้ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ลูกพี่ใหญ่ของ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มีการล็อบบี้ เปิดเจรจา กับส.ส.กทม. สาย สุดารัตน์ และสายที่ไม่ได้ขึ้นกับ สุดารัตน์ โดยตรงแต่ก็แวะเวียนไปบ้านเจ๊หน่อยบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ 

ข่าวว่าการเจรจาดังกล่าว มีการพูดคุย ขอให้อย่าย้ายออกจากเพื่อไทย ด้วยการยืนยัน จะดูแลอย่างดีหากยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไปรวมถึงจะให้บทบาทในพรรคและในสภาฯมากขึ้นด้วย 

ด้วยเหตุนี้ พอ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกคำสั่ง 0001/2564 ของพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งแกนนำพรรค-ส.ส.-อดีตรัฐมนตรีของเพื่อไทย รับผิดชอบ คุมโซนภาคและจังหวัดต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

โดยพบว่า คำสั่งแบ่งโซนดังกล่าวมี ส.ส.กทม.เพื่อไทย บางคนที่เคยถูกมองว่าน่าจะย้ายพรรคไปอยู่กับ ไทยสร้างไทย เช่น อนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.เขตบางเขน-น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิช ส.ส.ลาดกระบัง พบว่า มีชื่อและตำแหน่งตามคำสั่งดังกล่าว เลยทำให้ เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาว่า สองคนนี้ น่าจะไม่ย้ายไปอยู่กับ สุดารัตน์ ที่พรรคไทยสร้างไทยแน่นอนแล้ว เช่นเดียวกับ วิชาญ มีนชัยนันท์ อดีตส.ส.กทม.หลายสมัย แต่รอบที่แล้วสอบตก ซึ่งที่ผ่านมาอยู่กับสาย สุดารัตน์ ตลอด ก็มีตำแหน่งในคำสั่งดังกล่าวเช่นกัน เลยทำให้มีข่าวว่า วิชาญ ก็น่าจะไม่ย้ายพรรคเช่นกัน

และที่เห็นชัดคือการที่ไม่มี ชื่อของ อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.เขตสายไหม ที่มีดีกรีเป็นถึง อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตรมว.ไอซีทีฯ แต่กลับไม่มีชื่อในคำสั่งแบ่งโซนดังกล่าว เช่นเดียวกับไม่มีชื่อของ การุณ โหสกุล ส.ส.ดอนเมือง รวมอยู่ด้วยเช่นกัน เลยเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหู สองคนนี้ “อนุดิษฐ์-การุณ” แกนนำเพื่อไทย คงมองว่าย้ายพรรคแน่ เพราะเป็นส.ส.กทม.สายสุดารัตน์เต็มตัว แกนนำเพื่อไทย เลยไม่ให้ทั้งคู่ มีบทบาทอะไรในพรรคตั้งแต่ตอนนี้เสียเลย 

ขณะที่อดีตส.ส.กทม.และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม.สอบตก หลายคน ก็มีข่าวว่าน่าจะย้ายไปอยู่กับไทยสร้างไทยแน่นอน แต่บางคนก็กำลังดูทิศทางลมก่อนว่า ไทยสร้างไทย จะไปได้ไกลแค่ไหน เลยยังไม่ได้ตัดสินใจ โดยกลุ่มนี้ ก็มีอาทิเช่น สุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.เขตหลักสี่ ลูกชาย เสนาะ เทียนทอง-ร้อยโทหญิง สุณิสา ทิวากรดำรงหรือหมวดเจี๊ยบ-ลีลาวดี วัชโรบล-ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส-ไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์-ธวัชชัย ทองสิมา เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม ก็มีข่าวว่า สุดารัตน์ และแกนนำเพื่อไทย ก็มีหลายแผน ในการทำพรรคไทยสร้างไทย เพราะรู้ดีว่า จะโดนสกัด ไม่ให้ ส.ส.กทม. เพื่อไทย-อดีตส.ส.กทม. เพื่อไทย ย้ายมาอยู่กับไทยสร้างไทย ข่าวว่า เจ๊หน่อย เลยอาจดึงส.ส.กทม.ปัจจุบันในบางพรรค เช่น พรรคก้าวไกล รวมถึงอดีตผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรคต่างๆที่คะแนนดีๆ เช่น อดีตอนาคตใหม่เดิม-พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์ มาอยู่กับพรรคไทยสร้างไทย ตลอดจนอาจจะดันพวก อดีตส.ก.-อดีตส.ข. หลายสมัย ที่เคยอยู่กับเพื่อไทย  มาส่งลงสมัคร ส.ส.กทม. ควบคู่ไปกับการหา คนหน้าใหม่-นักธุรกิจรุ่นใหม่ มาลงด้วยเช่นกัน 

เรียกได้ว่า ยังไง ประสบการณ์ การเมืองหลายสิบปีของ สุดารัตน์  ทำให้อดีตเจ้าแม่กทม. คนนี้ รู้ดีว่า ต้องปรับตัว-รับมืออย่างไร ถึงจะทำให้ ไทยสร้างไทย เกิดให้ได้บนถนนการเมือง 

ท่ามกลางปริศนา ที่แวดวงการเมือง ก็ยังสงสัย ยามที่ พรรคไทยสร้างไทย  ต้องขับเคลื่อนพรรคสู้ศึกเลือกตั้งเต็มที่ สุดารัตน์-พรรคไทยสร้างไทย จะเอาเงินจากไหน เพราะการเป็น “พรรคใหม่เพิ่งตั้ง-ไม่ได้กุมอำนาจรัฐ” การลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งแรก เหนื่อยแน่นอน หากไม่มีกระแสช่วยแรงๆ แบบ “อนาคตใหม่”ตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่ขนาด อนาคตใหม่ กระแสแรงมาก แต่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ก็ยังต้องควักเงินส่วนตัว 191 ล้านบาทให้พรรคอนาคตใหม่ กู้ไปทำศึกเลือกตั้ง จนเกิดคดีความตามมา เพราะหลายคนดูแล้ว แม้คนที่ไปร่วมตั้งพรรคไทยสร้างไทย ทั้งอดีตนักการเมือง นักธุรกิจรุ่นใหม่หลายคนเช่นพวกกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่เจ๊หน่อยไปดึงมาเข้าไทยสร้างไทยนับสิบคน  รวมถึงเจ๊หน่อยเอง  หลายคน เรียกได้ว่าอยู่ในระดับ “แข้งทองคำ” มีสินทรัพย์-ที่ดิน มากมาย อย่าง สุดารัตน์ ก็รู้กันทางการเมืองว่ามีที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ-โคราช อยู่ไม่ใช่น้อย แต่หากถึงศึกเลือกตั้ง ต้องระดมทุน ควักเงินกันมาสู้เลือกตั้ง แต่ละคนคงควักกันแค่ที่เตรียมไว้ ไม่ลงกันเต็มที่ เรียกได้ว่า รวมกันแล้วทั้งพรรค  ยังไง ก็สู้แค่ “ทักษิณ-ตระกูลชินวัตร”จ่ายให้กับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ ห่างกันลิบลับ 

ปริศนา ใครจะเป็น “นายทุน-กลุ่มทุน-หัวจ่าย” ให้กับสุดารัตน์และพรรคไทยสร้างไทย ตอนศึกเลือกตั้ง จึงยังเป็นที่ไถ่ถามกันทางการเมืองจนถึงทุกวันนี้ ?

แม้จะรู้ดีว่า กว่า 29 ปีบนถนนการเมืองของ สุดารัตน์จะรู้จักนักธุรกิจ-นักการเมือง -กลุ่มทุน ไม่ใช่น้อย แต่หากกลุ่มคนดังกล่าว จะต้องมาร่วม “ลงขัน” ตั้งพรรคไทยสร้างไทย พรรคการเมืองเกิดใหม่ ที่ยังไม่มีหลักประกันว่า จะสำเร็จหรือล้มเหลว จะได้เป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งหรือไม่ การคิดหนักที่จะต้องร่วมลงขันด้วย จึงย่อมเกิดขึ้นแน่นอน 

จากหลายปัจจัยข้างต้น ทำให้ดูแล้ว พรรคไทยสร้างไทย ของสุดารัตน์ การเข็นไปให้ตลอดรอดฝั่ง จนถึงวันเลือกตั้ง ดูแล้ว ไม่ง่ายและเหนื่อยแน่นอน 

แสดงความเห็น