‘พิจารณ์’ ค้านรัฐบาลแบ่งเค้กงบฟื้นฟูโควิด 4.5 หมื่นล้านแจกรายจังหวัดฐานเสียงรมต.

ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตด้านสุขภาพและเศรษฐกิจที่คนไทยกำลังเผชิญ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล คัดค้านคำสั่งนายก ที่ 85/2564 เรื่องมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด ซึ่งมีสาระสำคัญคือการแบ่งพื้นที่ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ขับเคลื่อนงบประมาณโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก กรอบงบประมาณ 45,000 ล้านบาท

“ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ที่ในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤตประเทศ ครม. กลับลักหลับออกคำสั่งแบ่งเค้กประเทศในครั้งนี้ออกมา คำสั่งแต่งตั้งให้รัฐมนตรีที่ทำงานกระทรวงในระดับประเทศให้มาขับเคลื่อนการใช้งบประมาณระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นการบริหารงานที่คิดแต่หวังผลทางการเมือง ไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง”

นอกจากนี้ นายพิจารณ์ยังตั้งข้อสังเกตว่าการมอบหมายจังหวัดที่รัฐมนตรีรับผิดชอบนั้น ไม่ได้แบ่งตามเหตุผลความจำเป็นของประชาชน แต่แบ่งตามฐานเสียงของพรรครัฐบาล

“เรื่องที่ผมเห็นว่าผิดปกติคือการแบ่งพื้นที่ขับเคลื่อนงบประมาณเป็นไปตามฐานเสียงที่รัฐมนตรีท่านนั้น ๆ เป็นผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. ยุติธรรม ได้ดู จ. สุโขทัย, นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว. วัฒนธรรมได้ดู จ.ชลบุรี, นางสาวตรีนุช จากตระกูลเทียนทอง ได้ดู จ.สระแก้ว, ชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รมว. ดิจิทัล ได้ดู จ. สิงห์บุรี ที่ตัวเองเคยเป็น ส.ส. หลายสมัย, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ได้ดู จ. นครราชสีมา นอกจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็ได้ดูการใช้งบในจังหวัดตัวเองเช่นเดียวกัน ทั้งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่ได้ดู จ.บุรีรัมย์, น.ส. มนัญญา ไทยเศรษฐื น้องสาวนายธาดา ไทยเศรษฐ์ ได้ดู จ.อุทัยธานี นายวราวุธ ศิลปะอาชา ได้ดู จ.สุพรรณบุรี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้ดู จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายสาธิต ปิตุเตชะ ที่ได้ดู จ.ระยอง”

โดยที่น่าจับตา คือภาคใต้ที่รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ดูแลเพียง 2 คน คือนายเฉลิมชัย และนายนิพนธ์ ซึ่งนายนิพนธ์ก็ไม่ได้ดู จ.สงขลา แต่เป็น ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ลงมาดูพื้นที่หลายจังหวัดที่สำคัญของภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นสงขลา, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต แล้วให้ น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ขึ้นไปดูจังหวัดในโซนภาคเหนือของตัวเองแทน ก็ต้องจับตาความขัดแย้งภายในรัฐบาลตรงนี้

ไม่ว่าใครจะได้ดูจังหวัดใดก็แล้วแต่ ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าการจัดสรรงบประมาณ 45,000 ล้านบาทครั้งนี้เอาผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชน

นอกจากนี้ นายพิจารณ์ยังขอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนคำสั่งแต่งตั้งและการใช้งบประมาณในส่วนนี้ เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาวิกฤต-เยียวยาประชาชน

“งบประมาณโครงการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ก้อนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้ พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งปรากฏชัดเจนแล้วว่างบประมาณก้อนนี้ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยโครงการที่ไม่สมเหตุสมผล มีการอนุมัติโครงการและเบิกจ่ายล่าช้ามาก”

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเคยอนุมัติโครงการจากเงินกู้ให้กับจังหวัดต่าง ๆ ไปแล้ว 210 โครงการ งบประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท ปรากฏว่ามีถึง 160โครงการ ที่ยังไม่ได้เริ่มเบิกจ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว และส่วนที่เบิกจ่ายไปแล้วคิดเป็นเพียงแค่ 2% เท่านั้น พรรคก้าวไกลจึงอยากเสนอให้รัฐบาลทบทวนงบก้อนนี้แล้วนำมาใช้เป็นงบเยียวยาประชาชนสำหรับโควิดระลอก 3 แทน

“ที่ผมในนามพรรคก้าวไกลออกมาคัดค้านในครั้งนี้เพราะเห็นว่าเงินที่ท่านจะเอาไปแบ่งเค้กกันนั้น มาจากที่ท่านขอกู้มาเพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์วิกฤต เวลานี้รัฐบาลควรบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ไม่ใช่การนำงบประมาณมากระจายตามฐานเสียงตอกย้ำกระแสข่าวลือเรื่องการยุบสภาว่าอาจเกิดขึ้นจริง”

แสดงความเห็น