วิโรจน์ อัดหมอสุกิจ กมธ. เชิญปธ. ศาลฎีกามาชี้เเจงได้ ย้ำ ไม่ได้แทรกแซง-ไม่ได้ก้าวก่ายงาน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีหลายท่าน ออกมาให้ความเห็นในทำนองที่ว่า คณะกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเชิญประธานศาลฎีกา หรือผู้แทนจากศาลมาหารือได้เลย  ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วอำนาจนิติบัญญัติ จะถ่วงดุลอำนาจตุลาการ ได้อย่างไร แล้วหลักการ 3 อำนาจ อันได้แก่ อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ นั้นตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกัน จะเกิดขึ้นในทางปฏิบัติได้อย่างไร

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนขออนุญาตแนะนำให้คนที่บอกว่า “ไม่ได้” ให้กลับไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 วรรค 4 ให้ดีๆ ช้าๆ อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ยกเอามาตรา 129 มาอ้างดื้อๆ แล้วก็บอกว่า “เชิญไม่ได้” โดยมาตรา 129 วรรค 4 ระบุเอาไว้ ดังนี้  “คณะกรรมาธิการตามวรรคหนึ่งมีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ แต่การเรียกเช่นว่านั้นมิให้ใช้บังคับแก่ผู้พิพากษาหรือตุลาการ  ที่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษาอรรถคดี หรือการบริหารงานบุคคลของแต่ละศาล และมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจโดยตรงในแต่ละองค์กรตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี” โดยการเชิญประธานศาลฎีกา มาเพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่า” มีบุคคลภายนอกบังอาจมาสั่งศาล นั้นมีข้อเท็จจริงเป็นประการใด รวมทั้งอาจจะมีการพูดคุยถึงการแสดงออกถึงสิทธิ และเสรีภาพทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ ของท่านในอดีต

นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ซึ่ง 2 ประเด็นดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้เป็นการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ในการพิจารณาอรรถคดี แต่อย่างใด และไม่ได้เป็นการเข้าไปก้าวก่ายการบริหารงานบุคคลใดๆ ของศาล แต่เป็นการสอบถามถึงประเด็นที่กระทบกับภาพลักษณ์ของอำนาจตุลาการด้วยความห่วงใย ตลอดจนสอบถามถึงแนวทางในการรับมือต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความปรารถนาดี ที่จะช่วยธำรงความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการ 

“เหตุใดจะทำไม่ได้ กระบวนการเหล่านี้ คือ กระบวนการถ่วงดุล ระหว่างอำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ที่ชอบธรรม ตามระบอบประชาธิปไตย ที่สามารถทำได้อย่างสง่างาม และต้องทำด้วย” วิโรจน์ กล่าว

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ยืนยันว่าตราบใดที่ไม่ได้แทรกแซง การพิจารณาอรรถคดีของผู้พิพากษา ไม่ได้ไปก้าวก่ายการแต่งตั้งโยกย้าย หรืองานบุคคลใดๆ คณะกรรมาธิการสามารถเชิญประธานศาลฎีกา ในฐานะประมุขฝ่ายตุลาการมาชี้เเจงได้

แสดงความเห็น