รมว.ยธ. จี้ ยึดทรัพย์ยาเสพติด สั่งติดตามนำเงินค้ายาแปรสภาพเป็น “บิทคอยน์”

นายสมศักดิ์  เทพสุทิน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง ร่วมประชุมผู้บริหารกระทรวงประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 โดยมีรองอธิบดีกรมต่างๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งยังมีการวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังหน่วยงานยุติธรรมทั่วประเทศ และเปิดคลิปวีดีโอ การมอบนโยบายขยายผลการยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่วีดีโอคอนเฟอเรนซ์จากทำเนียบรัฐบาลไปยังจังหวัดเชียงใหม่  เมื่อวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่าขอให้ข้าราชการนั้นตื่นตัวและเดินหน้าสอดส่อง ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เวลานี้ยาเสพติดผลิตต่อวันได้มากขึ้น รวดเร็ว มีต้นทุนต่ำ เช่น ยาบ้า สมัยก่อนใช้เครื่องระบบโรตารีผลิตได้ 432,000 เม็ดต่อวัน แต่ปัจจุบันใช้เครื่องระบบไฮดรอริค ทำให้สามารถผลิตได้มากถึง 6,912,000 เม็ดต่อวัน และมีต้นทุนเพียง เม็ดละ 55 – 60 สตางค์ นอกจากนี้ไอซ์เดิมมีต้นทุนกิโลกรัมละ 50,000 บาท แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงกิโลกรัมละ 26,000 บาท ดังนั้นจึงมีการเสนอลดรางวัลนำจับ จากเดิมยาบ้าเม็ดละ 2 บาท เหลือเม็ดละ 50 สตางค์ ส่วนไอซ์จากเดิมกิโลกรัมละ 200 บาท เป็นกิโลกรัมละ 50 บาท แต่จะมีส่วนแบ่งในการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่

“เราต้องทำทุกทางเพื่อป้องกันการนำยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย การสกัดจับจะยังเข้มข้นเท่าเดิม การเดินหน้ายึดทรัพย์เครือข่ายก็จะทำอย่างต่อเนื่อง การปราบปรามต้องทำเป็นระบบ ตนเชื่อว่าเราสามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ และอีกอย่างที่ต้องจับตาคือการเปลี่ยนแปลงเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดเป็นสินค้าต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัล หรือ บิทคอยน์ จากนี้ขอมอบหมายให้ท่านวิศิษฎ์ เป็นประธานในการศึกษาและติดตาม ให้ไปดูว่าจะตั้งหน่วยงานใดในกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ” รมว.ยุติธรรมกล่าว

นายสมศักดิ์ ยังระบุอีกว่า ตนอยากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เริ่มขยับเจ้าหน้าที่ที่มีภารกิจไม่มาก มาช่วยทำงานด้านการติดตามการฟอกเงิน เพื่อสนับสนุนภารกิจการตามยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดเพิ่มเติม

แสดงความเห็น