ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆทั่วโลก ถือว่าเราทำได้ดีมาก ซึ่งต้องชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาตรการต่างๆในการควบคุมโรค และต้องชื่นชมบุคคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และอสม. รวมถึงคนไทยทั้งประเทศที่อดทน ทำให้เราต่อสู้ได้อย่างน่าภูมิใจ พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ ได้กำหนดกรอบวงเงิน และวิธีการชัดเจน ทั้งการเยียวยา งบประมาณสาธารณสุข และการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจในประเทศ และยังมีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SME ด้วย ทั้งหมดมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทย ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการต่างๆที่ควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด ทั้งการหยุดงาน หยุดกิจการ ขาดรายได้ การเยียวยาในรอบแรกรัฐบาลกำหนดการช่วยเหลือที่ 3 ล้านคน แต่เมื่อการระบาดแพร่วงกว้างมากขึ้น รัฐก็ได้เพิ่มการเยียวยามากขึ้น ขณะนี้จ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว 16 ล้านคน
นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้ลงพื้นที่ไปยังธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พบว่า มีประชาชนมาเปิดบัญชีเพื่อรอรับเงินเยียวยาจำนวนมาก ตนไปในช่วงเที่ยงและบ่าย ชาวบ้านหลายคนไม่ได้กินข้าวเที่ยง ซึ่งตนได้ถามพวกเขาว่าเพราะอะไร คำตอบที่ได้รับคือ พวกเขาไม่มีเงินเพราะทุกวันนี้ไม่มีรายได้ พวกเขาต้องรอเพียงตอนสิ้นเดือนเอาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปรูดซื้อข้าวสาร ปลากระป๋อง มาดำรงชีวิตภายในครอบครัว พวกเขาลำบากมาก ซึ่งตนขอชื่นชมนโยบายเราไม่ทิ้งกันที่ทำให้พวกเขาสามารถมีเงินนำไปซื้อข้าวได้ ส่วนนโยบายเยียวยาเกษตรกรตนต้องชื่นชมว่าวันนี้รัฐบาลมีข้อมูลในการช่วยเหลือค่อนข้างครบถ้วน มีหน่วยงานรับผิดชอบทั้ง 7 หน่วยงาน มีข้อมูลชัดเจนในการช่วยเยียวยา และทาง ธ.ก.ส.ก็จะนำเงินจ่ายให้เกษตรกร 7 ราย ส่วนที่เหลือก็ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องให้เรียบร้อยภายในเดือน ก.ค. ส่วนกลุ่มเปราะบางก็ได้มีการกำหนดชัดเจนแล้ว
“เราไม่รู้ว่าโควิดจะจบเมื่อไร การฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้นเป็นงานหนัก ที่ผ่านมาเรามีรายได้หลักจากการส่งออกสินค้าทางการเกษตรและรายได้จากนักท่องเที่ยว ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกก็ประสบปัญหาเศรษฐกิจหดตัวจากไวรัสโควิดเช่นกัน ดังนั้นตรงนี้เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องเตรียมการรองรับว่าจะมีวิธีการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร”นายสัมฤทิธิ์ กล่าว
แสดงความเห็น
