สมศักดิ์ เผย ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนใต้เหลือ 21 อำเภอ ปลื้มนายกฯ ประกาศปราบยาเสพติด

สมศักดิ์ เผย ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนใต้ แต่ลดพื้นที่เหลือ 21 อำเภอ ปัด “ไม่รู้” ปมยื่นขอพักโทษทักษิณ ปลื้มนายกฯ ประกาศปราบยาเสพติด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาขยายอายุพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า ในฐานะที่ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลงาน ศอ.บต. ก็ต้องขอบอกว่า ศอ.บต. ไม่ได้กำกับดูแลรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง แต่เป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพียงทราบว่า การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เพื่อดูแลพื้นที่ไม่ราบรื่น และอยู่ในการดูแลของเรื่องความมั่นคง โดยปัจจุบันเหลืออยู่ 22 อำเภอ และการประชุม สมช. ครั้งที่ผ่านมา ก็ได้มีมติยกเลิกพื้นที่ไป 1 อำเภอ ของจังหวัดปัตตานี จึงเหลือพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 21 อำเภอ

“จึงเหลือพื้นที่ที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 21 อำเภอ ดังนั้นจึงมีสถานภาพดังเดิมก่อน แม้ผมไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง แต่ก็ได้ติดตามในรายละเอียดว่า ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นงานด้านความมั่นคงตามปกติไม่ได้เกี่ยวกับ ศอ.บต. และผมค่อยๆ เลิกไปตามสถานการณ์ต่อไปในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทุกๆ 3 เดือนก็จะมีการพิจารณา 1 ครั้ง แต่จะยกเลิกพื้นที่ทั้งหมดเลยคงไม่ได้ เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ ปี 2548 ที่ได้ยกเลิกกฎอัยการศึกทั้งหมด แล้วให้นำ พ.ร.ก. ดังกล่าวมาใช้แทน” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะรองนายกที่กำกับดูแลงานกระทรวงยุติธรรม ได้มีการพิจารณากรณีขอพักโทษของนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “ยังไม่ได้ยิน” เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้มีกระแสข่าว เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนั้นตนไม่ทราบ ซึ่งตนเป็นเพียงผู้กำกับดูแล ไม่ใช่ผู้สั่งการ เรื่องที่แต่ละกระทรวงจะเสนอเอกสารอะไรมา เพื่อให้นำเข้า ครม. นั้น หรือมีคณะกรรมการที่ตนได้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่ประธานการประชุมนั้น จึงจะมีการประชุม แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าหากรัฐบาลชุดนี้ แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะยุบสภาทันที นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกัน แนวเรื่องของรัฐธรรมนูญกับเรื่องการบริหารงานของรัฐบาล ทุกคนอาจจะไปตีราคาหรือคำนวณเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าใช้เวลา 2-3 ปี แล้วมาคำนวณระยะเวลาการทำงานของรัฐบาล ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไทม์ไลน์ ในเรื่องต่างๆ เหล่านั้น อาจจะใช้เวลาทั้งหมดแล้วเอาเวลาทั้ง 2 เรื่อง มาเปรียบเทียบกัน แล้วพูด 2 เรื่อง 3 เรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน แต่นั่นก็เป็นคนละเรื่องกัน ตนจึงไม่สามารถไปคำนวณเวลาดังกล่าวได้ ตรงนี้อาจจะเป็นการวิจารณ์เพื่อให้เป็นประเด็น ที่ประชาชนฟังแล้วอาจเกิดความสับสนมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านพยายามทวงถามเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศไว้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดังนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง คุยกันไปให้เขาได้พูดคุยกันไป เราเป็นฝ่ายบริหาร ขอทำหน้าที่และรับผิดชอบงานฝ่ายบริหาร และตนก็ตอบคำถามได้เพียงเท่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง มองว่าการแบ่งงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีกันอยู่ 3 พรรคการเมืองแล้วไม่ลงตัวอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การแบ่งงานในกระทรวงที่มีรัฐมนตรีช่วย ส่วนใหญ่มักจะมีข่าวสารออกมาในลักษณะนี้ แต่สุดท้าย คงต้องตกลงกันให้ได้ด้วยดี เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการเริ่มต้นของการทำงาน ก็มักจะมีปัญหาดังกล่าว ขอให้ค่อยๆ พูด ค่อยๆ คุยกัน ก็คงจะไม่มีอะไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นเรื่องการปราบปรามยาเสพติดมาแล้ว มองอย่างไรต่อกรณีที่นายกรัฐมนตรี ประกาศเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามยาเสพติด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า เรื่องยาเสพติด ตนดีใจมากที่นายกรัฐมนตรี เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ และตนก็คิดในใจมาตลอดว่า ปัญหายาเสพติดในระดับรัฐมนตรีทำคนเดียวไม่สำเร็จแน่ เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ การทำงานพร้อมกัน 4 ขา ขาที่ 1 คือ ป.ป.ส. ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรม ขาที่ 2 คือ ปปง. ซึ่งกำกับดูแลโดยนายกรัฐมนตรี เพราะการยึดทรัพย์ถือเป็นกำลังหลักถือเป็นกฎหมายที่สำคัญ ขาที่ 3 คือตำรวจ ซึ่งจะเป็นฝ่ายจับสืบสวน สอบสวน และขยายผล และขาที่ 4 เป็นเรื่องสรรพากร และกฎหมายที่จะเข้ามาดำเนินการภายหลังการตรวจสอบทรัพย์สิน ดังนั้นหากผู้ค้ายังรอดจากการยึดทรัพย์ ก็จะเข้าสู่กระบวนการของกระทรวงการคลังในเรื่องของภาษี ดังนั้นทุกหน่วยงานต้องช่วยกัน รวมกันทั้งหมด ตนจึงมีความสุขมากที่เห็นนายกรัฐมนตรีนำเรื่องนี้มาทำอย่างจริงจัง

แสดงความเห็น