“สมศักดิ์” หอบ ส.ส.ลุย บึงกาฬ ติดตามแก้ปัญหาต้นยางตายนึ่ง ขอเชื่อมือเพื่อไทย ทำยางพาราให้ดีขึ้น

“สมศักดิ์” หอบ ส.ส.อีสานลุย บึงกาฬ ติดตามการแก้ปัญหาต้นยางตายนึ่งทั่วประเทศ ส่งผลน้ำยางหาย-รายได้ ลดฮวบ พบ “แคลเซียมคาร์บอเนต”ช่วยแก้ปัญหาได้ จ่อชงรัฐบาลใหม่ แก้จริงจัง ขอเชื่อมือเพื่อไทย ทำยางพาราให้ดีขึ้น เหมือนยุค “อดีตนายกฯทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ขณะที่ “วิสุทธิ์” อ้อน ขอก.เกษตร ให้เพื่อไทย บริหารช่วยเกษตรกรเอง 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานยุทธศาสตร์การเกษตร พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร นายนิพนธ์ คนขยัน ส.ส.บึงกาฬ นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ส.ส.นครพนม  นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น และ นางสาววิภาณี ภูคำวงศ์ ส.ส.ขอนแก่น ได้ลงพื้นที่ อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ เพื่อศึกษาการเพิ่มผลผลิตยางพารา พร้อมชมการสาธิต การรักษาต้นยางตายนึ่ง โดยมีประชาชนกว่า 200 คน ร่วมต้อนรับ และรับฟังบรรยายสรุป จาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงยังได้เปิดโอกาสให้ประชาชน ได้สะท้อนปัญหา ถึงการเพาะปลูกยางพาราด้วย

โดยประชาชนส่วนใหญ่ ได้สะท้อนปัญหาว่า ราคายางพาราตกต่ำ จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ ช่วยผลักดันและสนับสนุน พร้อมทั้งจัดให้มีการอบรม ในเรื่องการเพาะปลูกยางพาราให้มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ความรู้ในการแก้ปัญหา ต้นยางตายนึ่งด้วย

ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ คณะยุทธศาสตร์การเกษตร พรรคเพื่อไทย ได้มาเยี่ยมชมการสาธิต การใช้แคลเซียมคาร์บอเนตสำหรับยางพารา เพื่อแก้ปัญหายางตายนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุ ทำให้น้ำยางมีปริมาณลดลง เพราะทำให้การกรีดยาง ได้น้ำน้อยลง จนทำให้เกษตรกร มีรายได้ตกต่ำ ปัญหานี้ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นในทั่วประเทศแล้ว จากการคาดการณ์การเสียหายน่าจะมากกว่าล้านไร่โดยการใช้แคลเซียมคาร์บอเนต ต้องผสมสาร 0.5 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ซึ่งจะสามารรถช่วยได้ 3 แนวทาง คือ 1.สำหรับแก้ปัญหาหน้ายางตาย ยางเปลือกแห้ง โดยต้องฉีดพ่นรอบต้นเดือนละ 1 ครั้ง 2.สำหรับเพิ่มผลผลิตยางพารา ซึ่งต้องฉีดพ่นหน้ายางที่รอยกรีด หรือ ฉีดเต็มหน้ายาง โดยฉีดได้ 150-300 ต้น เดือนละ 1 ครั้ง จะทำให้เปลือกนิ่ม กรีดง่าย น้ำยางไหลดี รวมถึง DRC.จะสูงขึ้นด้วย และ 3.ปรับค่า PH ของดิน เพื่อแก้ปัญหาดินเป็นกรด โดยฉีดรอบบริเวณทรงพุ่มโคนต้นยางพารา เพื่อให้เป็นปุ๋ย

“จากผลการทดลองใช้ ภายใน 1-3 เดือน พบว่า น้ำยางมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และสามารถทำให้โรคยางตายนึ่งหมดไปได้ ซึ่งเป็นการช่วยให้เกษตรกร กลับมามีรายได้ และได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้ มีการทดลองแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้แล้ว ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ แต่จะเป็นการช่วยเหลือแบบ CSR ของบริษัทเอกชน ซึ่งก็พบว่า ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ผมเชื่อว่า เมื่อรัฐบาลจัดตั้งเสร็จ เรื่องนี้จะถูกนำเสนอ ต่อผู้บริหารของประเทศ และจะเร่งแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาสินค้าเกษตร รวมถึงโรคติดต่อของสัตว์ต่างๆด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว 

ส่วนนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนถือเป็นหนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกยาง จึงมีความเข้าใจเป็นอย่างดี ถึงความเดือดร้อนของประชาชนในเวลานี้ ในเรื่องราคาที่ตกต่ำ แต่ตนเชื่อว่า เมื่อมีรัฐบาลใหม่ ราคายางจะดีขึ้น เพราะนี่คือหนึ่งในนโยบายของพรรคเพื่อไทย ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร รวมถึงการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาสนับสนุนเกษตรกร และด้านปศุสัตว์ จึงขอให้พี่น้องประชาชน อดทนอีกสักระยะหนึ่ง เพราะเร็วๆนี้ ก็จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี และจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ตนก็ขอให้พรรคเพื่อไทยนั้น ได้กระทรวงเกษตร ไว้บริหารช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเอง เพราะเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทย จะไม่ทอดทิ้งประชาชนในเรื่องนี้ เนื่องจากในสมัยอดีตนายกฯทักษิณ และอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เคยทำราคายางสูงถึงหลักร้อยบาทมาแล้ว

โดยนางสาวสกุณา กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องยอมรับว่า ภาครัฐอาจจะไม่ได้ลงมาให้ความรู้ หรือ ดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นการปลูกต้นยาง รัฐบาล ต้องหันมาสนับสนุน ในเรื่องของนวัตกรรม รวมถึงปุ๋ยที่ถูกสูตรมีคุณภาพในราคาถูก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งหนทาง ที่ทำให้ผู้ปลูกยาง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้านนายนิพนธ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยวันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า ใส่ใจและพร้อมรับฟังปัญหาต่างๆของพี่น้องประชาชนในจังหวัดบึงกาฬ ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่า เรามีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาของพี่น้องเกษตรกร ที่สะสมมาอย่างช้านานให้ดีขึ้น ในยุคของพรรคเพื่อไทย โดยตนจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยผลักดันทุกทาง เพื่อขอบคุณทุกคะแนนเสียง ที่เลือกตนมาทำงานในฐานะผู้แทนราษฎร

แสดงความเห็น