‘เพื่อไทย’ จะได้นายกฯ ต้องไม่มี ‘ก้าวไกล’

โมเมนตัมเข้าทาง ‘เพื่อไทย’ แล้ว หลังชื่อของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ไม่ได้แม้แต่มีโอกาสเอาไปโหวตในรอบที่ 2 

ในขณะที่ ‘ก้าวไกล’ ไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นนอกเหนือจาก ‘พิธา’

เหตุนี้มันจึงออโตเมติกมาที่ ‘เพื่อไทย’ ทันที 

แต่ไม่ได้หมายความว่า งาน ‘เพื่อไทย’ จะง่ายกว่า ‘ก้าวไกล’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าในองคาพยพดังกล่าวยังเป็นชุดเดิมคือ 8 พรรคร่วม

ส.ว. ตลอดจนขั้วอำนาจเดิม ประกาศชัดว่า ไม่ว่า ‘ก้าวไกล’ จะอยู่ในบริบทไหนขององคาพยพนั้น คำตอบคือ ‘ไม่’

เหตุผลเดิมคือ เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ที่ไม่สามารถรับได้

ฉะนั้นต่อให้ ‘เพื่อไทย’ ถือธงนำ แต่หากยังอุ้ม ‘ก้าวไกล’ ไว้ ชะตากรรมแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อาจจบแบบเดียวกับ ‘พิธา’ คือ ‘งดออกเสียง-ไม่เห็นชอบ’ ล้นสภา

ปัญหาตอนนี้คือ ‘เพื่อไทย’ จะสลัด ‘ก้าวไกล’ ออกอย่างไรให้ตัวเองดูดี หรือโดนทัวร์ลงน้อยที่สุด?

มี 2 ฉากทัศน์ที่หลายคนมอง ฉากทัศน์แรก กระเตง ‘ก้าวไกล’ อีกยก แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ส่งมา ยังไม่ใช่ ‘ตัวจริง’ เพราะรู้แน่ว่า ไม่ผ่านแน่

เมื่อแคนดิเดตนายกรัฐมตรีตัวปลอมของพรรคเพื่อไทยไม่ผ่าน 8 พรรคร่วมจะถึงทางตันทันที

นั่นหมายความว่า ถูกบังคับให้ต้องฉีกเอ็มโอยู เพื่อเปิดการจับขั้วกันใหม่ทางการเมือง โดยมี ‘เพื่อไทย’ เป็นศูนย์กลาง

ถ้าจะจับ 8 พรรคร่วมเดิม และหวังจะเติมเข้ามาใหม่ เป็นไปได้ยาก เพราะขั้วอำนาจเดิมแล้วว่า ‘มีก้าวไกลไม่มีเรา’

สูตรที่ยังไม่ได้ลองคือ ‘เพื่อไทย’ บวกขั้วอำนาจเดิม

ซึ่งหากผสมพันธุ์กันได้ ประเทศไทยอาจได้นายกฯคนที่ 30 จากการโหวตครั้งต่อจากนั้น ซึ่งจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตัวจริงของพรรคเพื่อไทยที่จะส่งมาแล้ว 

กับอีกฉากทัศน์หนึ่ง ‘เพื่อไทย’ ฉีกเอ็มโอยู ตั้งแต่ก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์เลย เพื่อ ‘ปิดเกม’ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต้องสลัด ‘ก้าวไกล’ ออก

‘เพื่อไทย’ อาจรอได้ แต่ขั้วอำนาจเดิมรอไม่ได้ ต้องการรีบจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ทำให้อาจถูกบีบให้ต้องเขี่ยทิ้ง ‘ก้าวไกล’ เร็วกว่ากำหนด

เกมไม่ให้โหวต ‘พิธา’ รอบสอง ที่เกิดขึ้น ก็เพราะขั้วอำนาจเดิมต้องการจบเกมเร็ว หลังยืดเยื้อมาสักพัก

เป็นการบีบ ‘เพื่อไทย’ ให้ต้องรีบทำอะไร อย่าไปสนใจภาพ ‘พระเอก’ มากนัก

โดนด่าตอนไหนคือ โดนด่าอยู่ดี นาทีด้อมส้มก็ถล่มพรรคสีแดงอยู่แล้ว 

ฉะนั้น ถ้าสลัด ‘ก้าวไกล’ ทิ้งได้เร็ว และเกิดการจับขั้วกับขั้วอำนาจเดิม แล้วไปโหวต ชื่อแคนดิเดตนายกฯคนนั้นคือ ‘ตัวจริง’ ไม่ใช่ ‘ตัวปลอม’

ตอนนี้หลายฝ่ายให้น้ำหนัก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ว่า เป็นเต็งหนึ่งที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ หลัง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯอีกคน ระบุจะชงคนนี้เป็นคนต่อไป 

แต่ ‘เศรษฐา’ จะใช่หรือไม่ใช่ มันต้องดูว่า ตอนโหวตนั้น เป็นสูตรไหนด้วย ถ้าชงชื่อ ‘เศรษฐา’ ในองคาพยพที่ยังมี ‘ก้าวไกล’ อยู่ คำตอบอาจไม่ใช่

แต่ถ้าชงไป แต่มีขั้วอำนาจเดิมอยู่ในองคาพยพ ไม่มี ‘ก้าวไกล’ เจือปน นายกฯคนที่ 30 ก็มีโอกาสจะชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ สูงลิ่ว

แสดงความเห็น