“สมศักดิ์” ลุยเมืองตรัง ชวนประชาชนร่วมปราบยาเสพติด เน้นยึดทรัพย์สินตัดวงจรการค้ายา 

“สมศักดิ์” ลุยเมืองตรัง ชวนประชาชนร่วมกันปราบยาเสพติด หลังปรับรูปแบบเข้มข้นขึ้น เน้นยึดอายัดทรัพย์สินตัดวงจรการค้ายา แย้ม การเมือง เดินทางสายกลางต่อ ชี้ การเมืองแบบแบ่งพวก ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เผย เป็นรัฐบาลทุกครั้ง เพราะเป็นวิศวกร มีหน้าที่สร้าง-แก้ปัญหาให้สังคม 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด รองรับประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมี นายภูวนัฐ สมใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พ.ต.อ.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง นายวิชาญ สังฆนาคินทร์ กรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดิน และประชาชน กว่า 700 คน เข้าร่วม ที่โรงแรมธรรมรินทร์ ธนา จังหวัดตรัง

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ตนเข้ามาทำงานการเมือง คือ การเป็น ส.ส.จังหวัดสุโขทัย รวมแล้ว 10 สมัย และเป็นรัฐมนตรี 14 ครั้ง ซึ่งตลอดการเป็นรัฐมนตรี ตนไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯแม้แต่ครั้งเดียว โดยแสดงให้เห็นว่า การทำงานการเมืองของตน เป็นการทำงานแบบเชิงรุก ฝ่ายค้านจึงไม่ลงไม้ลงมือ เพราะถึงแม้จะไม่ใช่นโยบาย แต่หากเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็จะรีบดำเนินการทันที ส่วนในจังหวัดตรัง ที่มีปูชนียบุคคล นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ตนก็เป็นรัฐมนตรี ในครม.ทั้ง 2 สมัย ซึ่งสมัยแรก เป็น รมช.คมนาคม ส่วนอีกสมัย เป็น รมว.อุตสาหกรรม โดยได้มีโอกาสทำงานเบื้องหลังในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้น ให้กับนายชวน ซึ่งตนเป็นคนรวบรวมพรรคเล็ก จนตั้งรัฐบาลได้

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลายคนถามว่า ตนเป็นรัฐบาลทุกครั้ง มีอุดมการณ์อย่างไร ซึ่งต้องบอกว่า ตนเป็นวิศวกร มีหน้าที่สร้างและแก้ปัญหาให้สังคม จึงเป็นรัฐบาลในทุกครั้ง และสามารถเป็นผู้ช่วยคนอื่นในการจัดตั้งรัฐบาล หรือ ขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง โดยคุณสมบัติส่วนตัว คือ ไม่ใช่คนแข็งกระด้าง และไม่ได้อ่อนแอ แต่มีเหตุมีผล ทำให้การแก้ปัญหาในกระทรวงยุติธรรม สามารถดำเนินการได้ในหลายเรื่อง เช่น ในจังหวัดตรัง ตนก็มีการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน ที่บูรณาการกฎหมายของ 2 กรมในกระทรวง มาขับเคลื่อนช่วยประชาชน ซึ่งสามารถช่วยทั่วประเทศได้กว่า 1 แสนครอบครัว โดยความเป็นวิศวกรของตน จึงทำให้ผลักดันเป็นโครงการนำร่องให้กระทรวงอื่นๆได้ดำเนินการต่อเนื่องได้

“นี่คือไอเดียความคิด ของคนที่เป็นนักการเมือง ที่ทุกครั้งมีการคิดก่อนที่จะเดิน และผมเห็นประชาชน ยังมีปัญหาอีกเยอะ ดังนั้น ถ้าเราเน้นหนักในเรื่องการเมืองแบบจินตนาการ หรือ แบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งขั้ว กว่าจะรวมกันได้เป็นรัฐบาลไม่ถึง 3 ปี ก็หมดเวลา ประชาชนไม่ได้อะไร ผมจึงเดินสายกลางมาโดยตลอด และจะทำแบบนี้ไปตลอด” รมว.ยุติธรรม กล่าว 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนก็ได้ริเริ่มการปราบปรามยาเสพติดในรูปแบบใหม่ คือการตัดวงจรยาเสพติด ด้วยการยึดอายัดทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ที่ได้ดึงภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% แต่หลังมีกฎหมายใหม่ ต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่เชี่ยวชาญ อย่าง จังหวัดตรัง สามารถจับกุมยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 กิโลกรัม แต่ก็ยังไม่ได้มีการขยายผลยึดทรัพย์ตามกฎหมายใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา กว่าจะยึดทรัพย์ใช้เวลา 8 ปี แต่ของใหม่อย่างมากไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น ทำให้ตนมั่นใจว่า การปราบปรามยาเสพติด จะได้ผล เพราะทำแบบจริงจัง ที่สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี 

“ผมเชื่อว่า เมื่อมีรางวัลนำจับ 5% จะช่วยทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดลดน้อยลงไปได้ โดยประชาชน สามารถแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1386 หรือ ผ่านระบบบล็อคเชน ที่ไม่เปิดเผยตัวตนคนแจ้งเบาะแส เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจากที่ปรับรูปแบบการปราบยาเสพติดให้เข้มข้นขึ้น แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ก็ไม่ต้องโทษใครแล้ว เพราะต้องโทษทุกคนที่ยังไม่เข้าใจถึงแก่นแกนของปัญหา ถึงยังไม่ช่วยกันแจ้งเบาะแส เพราะยาเสพติดจะหมดไป ถ้าทุกคนเข้มงวดและช่วยกัน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานเรา” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น