รมว.ยธ. ชวนร่วมแจ้งเบาะแสยาเสพติด ยันปิดตัวตนคนแจ้งปลอดภัย 100%

รมว.ยุติธรรม ร่วมงานสถาปนากองทุนแม่ พบ ปธ.เครือข่าย-ผู้นำชุมชนกทม.กว่า 1,200 คน ชวนร่วมแจ้งเบาะแสยาเสพติดเป็นเครือข่ายป้องกัน ยันปิดตัวตนคนแจ้งปลอดภัย100% ขอบคุณทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในบำบัดฟื้นฟูผู้เสพ ทำให้สังคมปลอดภัยมากขึ้น

ที่ โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ร่วมงานวันสถาปนากองทุนแม่ของแผ่นดิน โดยมี น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายเอกชัย ภักดีผล ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน กทม. หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินทั้ง 50 เขต และผู้นำชุมชนจาก 1,018 ชุมชน รวมประมาณ 1,200 คน ร่วมงาน โดยช่วงแรกนายสมศักดิ์และคณะได้เดินรับชมบูธจัดแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ของชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินทั้ง 6 กลุ่มพื้นที่กทม.

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ นโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของกระทรวงยุติธรรม ว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและถือว่าเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2565 มีแนวทางให้เพิ่มความเข้มข้นในการควบคุม การนำเข้า ส่งออก สารเคมี  การขยายผลทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด ด้วยการยึด อายัดทรัพย์สิน เพื่อตัดวงจรทางการเงิน รวมถึงบูรณาการ ค้นหาผู้ติดยาเสพติด เพื่อส่งเข้ารับการบําบัดรักษาอย่างเร่งด่วน พร้อมเอาผิดอย่างเด็ดขาด กับเจ้าหน้าที่ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด  เพื่อต้องการลดความสูญเสียและสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม ซึ่งทาง ป.ป.ส. ได้ทำงานอย่างหนัก และได้ทำงานบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน คือ กระทรวงกลาโหม , กระทรวงมหาดไทย , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กระทรวงศึกษาธิการ , กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ กรมสรรพากร

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่ยาบ้าราคาถูกลง เพราะ เทคโนโลยีของขบวนการค้า มีความทันสมัยมากขึ้น ใช้เครื่องโรตารี่ 39 หัวตอก ผลิตได้ชั่วโมงละ 163,800 เม็ด ในรอบประเทศ มีกลุ่มการค้า 7 กลุ่ม ทำให้มีกำลังผลิตถึงวันละ 280 ล้านเม็ด ซึ่งรัฐบาล แก้ปัญหาด้วยการแก้กฎหมายยาเสพติด เน้นการยึดอายัดทรัพย์สินกระทรวงยุติธรรม ขับเคลื่อนแก้กฎหมายยาเสพติด 24 ฉบับ เป็นประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อเพิ่มโทษกับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ให้หนักขึ้น ยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปีโดยมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด ด้วยการตั้งคณะทำงาน ปราบปรามยึดทรัพย์สินยาเสพติด ภายใต้ปฏิบัติการ พาลีปราบยา เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2564 โดยมี ป.ป.ส. ดีเอสไอ บช.ปส. สมาคมธนาคารไทย สำนักงานอัยการ ป.ป.ง. กรมสรรพากร ร่วมกันตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่ออายัดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยปีงบประมาณ 2565 อายัดทรัพย์สินได้ 11,003 ล้านบาท และในปีนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายอายัดทรัพย์ 1 แสนล้านบาท จากเป้าหมายขยายผล 1,000 เครือข่ายขณะนี้ผ่านมา 1 เดือน อายัดทรัพย์สินได้  6,879  ล้านบาท

“ผมขอเชิญชวนแจ้งเบาะแสยาเสพติด เบอร์  1386 เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% ที่ผ่านมา มีคนโทรแจ้งเพียง 16,000 สาย แต่เรามี 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน/ชุมชน โดยการจ่ายรางวัลจะใช้ระบบ Blockchain ที่ปกปิดตัวตนคนแจ้งมีความปลอดภัย 100% เป็นการให้เงินรางวัลนำจับผ่าน คริปโตเคอเรนซี่ เพื่อปกปิดและป้องกันคนแจ้งเบาะแส ช่วยให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยกล้าแจ้งเบาะแสมากขึ้น และขอให้ทุกท่านช่วยเตือนคนในชุมชนด้วยอย่าไปรับจ้างเปิดบัญชี เพราะมีความผิดจะโดนจับติดคุกด้วย” รมว.ยุติธรรม กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกส่วนที่สำคัญคือ การบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด สำหรับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตนต้องขอบคุณทุกชุมชนที่ช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูบำบัด ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด และผู้มีอาการทางจิตเวช จากการใช้ยาเสพติด เพื่อนำเข้าสู่การบำบัดรักษา นอกจากนี้กระทรวงยุติธรรมยังจัดทำ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง (JSOC) ที่จะใช้กำไล EM ติดตาม คนที่อันตรายหลังพ้นโทษ โดยมีอาสาสมัครชุมชนดูแล เพราะเมื่อสังคมรู้ว่ามีคนร้ายอยู่ตรงไหนก็จะปลอดภัย

จากนั้นนายสมศักดิ์ ได้ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ซักถามข้อสงสัยและเสนอแนะแนวทางต่างๆ โดยมีผู้สนใจสอบถามถึงรายละเอียดการแจ้งเบาะแสะยาเสพติด ว่ามีวิธีการอย่างไร และภาพรวมในการป้องกัน ปราบปราม และการทำงานต่างๆของกระทรวงยุติธรรมรวมถึงแนวทางผู้ป่วยคือผู้เสพ ทำให้มีนักค้ารายย่อย ที่นำยามาขายครั้งละ 3-5 เม็ดอีกด้วย โดยนายสมศักดิ์ ได้ชี้แจงวิธี ช่องทางแจ้งเบาะแสและรายละเอียดต่างๆ ยืนยันว่าเราจะดำเนินการตามกระบวนการต่างๆอย่างเข้มข้น

แสดงความเห็น