‘โจนาธาร เข็มดี’ จ่อคัมแบ็กแผ่นดินแม่ แม้ ‘ไทยลีก’ แต่ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง

DST.Special Report : ยังไม่ชัดว่า สาเหตุที่ ‘เนสต์เว็ด โบลด์คลับ’ ทีมในลีกพระรองเดนมาร์ก และ ‘โอบี โอเดนเซ’ อดีตแชมป์ลีกสูงสุดแดนโคนม 

ต้นสังกัดที่แท้จริงของ ‘โจนาธาร เข็มดี’ จึงยกเลิกสัญญากับดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-เดนส์ รายนี้

มันต้องมีอะไรมากกว่า การปล่อยให้นักเตะได้ไปพัฒนาตัวเอง เพราะ ‘โจนาธาร’ อยู่ระหว่างการยืมตัว และได้ลงเล่นให้ในลีกรองในฤดูกาลนี้ไปแล้วหลายนัด

มันผิดปกติวิสัย ที่วันหนึ่งความจริงคงปรากฏออกมา

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก กลายเป็น ‘นักเตะไร้สังกัด’ ที่สามารถหาสโมสรใหม่ได้เลย 

โดยมีการคาดการณ์กันว่า ปราการดาวรุ่งทีมชาติไทย จะกลับมาเล่นในแผ่นดินแม่อย่าง ‘ไทยลีก’

และมีหลายสโมสรในไทยที่ถูกจับตากันว่า จะฉกเด็กหนุ่มที่เกิดใน จ.สุรินทร์ รายนี้ เต็งหนึ่งคือ ‘การท่าเรือ เอฟซี’ ของ ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ที่นิยมชมชอบนักเตะลูกครึ่ง ประการสำคัญคือ ทั้งคู่รู้จักมักคุ้นกันในแคมป์ทีมชาติ

นอกจากนี้ การท่าเรือยังอุดมไปด้วยดาวเตะลูกครึ่งที่พร้อมจะสื่อสารกับ ‘โจนาธาร’ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชาริล ชัปปุยส์, ฟิลิป โรลเลอร์, เอเลียส ดอเลาะ, วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ, เควิน ดีรมรัมย์, เบน เดวิส และ กุสตาฟ ซาห์ลิน

โดยหลายคนรู้จักมักจีกับ ‘โจนาธาร’ เมื่อครั้งร่วมทีมช้างศึกยู 23

ขณะที่สโมสรอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการจ่ายค่าเหนื่อย และนิยมชมชอบกองหลังสไตล์นี้ มีทั้ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, เมืองทอง ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือแม้แต่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

เพียงแต่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อาจจะต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมและเรื่องระเบียบวินัยเข้ามาประกอบเป็นพิเศษ

สำหรับ ‘โจนาธาร’ นั้น เป็นนักเตะคนหนึ่งที่มีแพสชั่นในการเล่นสูงมาก ขณะที่สไตล์การเล่นยังหนักหน่วง ทางบอลดี ในวัย 20 ปี สามารถนำไปเจียระไนให้เป็นยอดเซนเตอร์แบ็กแถวหน้าของไทยได้

เพียงแต่ปัญหาของ ‘โจนาธาร’ ไม่ได้อยู่ที่ฝีเท้า แต่อาจจะมีบางเรื่องที่เป็นอุปสรรค 

โดยครั้งหนึ่ง ‘โจนาธาร’ ถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพื่อลุยศึกชิงแชมป์อาเซียนคัพ ทว่า มีนัดหนึ่งไม่มีชื่อเขาทั้งตัวจริงและม้านั่งสำรอง ทำให้ตัดสินใจบินกลับเดนมาร์กทันที

ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามจะชี้แจงว่า ‘โจนาธาร’ มีอาการท้องเสีย แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างจากแคมป์ทีมชาติว่า มันเป็นอาการงอแงของ ‘เด็กที่ยังไม่โต’

เล่ากันว่า ‘โจนาธาร’ ไม่พอใจกับสถานะดังกล่าว เลยงอนบินกลับมันเสียเลย

‘ทัศนคติ’ ดังกล่าวแหละที่หลายสโมสรจะต้องพิจารณาว่าจะ ‘เอาอยู่’ หรือไม่

จริงๆ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร เป็นไปตามช่วงวัยที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับเด็กวัยรุ่นที่อายุเท่านี้ และมีความทะเยอทะยานสูง

มันสามารถปรับจูนกันได้ด้วยเวลา

อย่างไรก็ดี การกลับมาเล่นในไทยครั้งนี้ แม้ดีกรีและทักษะของน้องจะค่อนข้างดี แต่ไม่ได้หมายความว่า ‘โจนาธาร’ จะไม่ต้องพิสูจน์อะไร

เราเห็นกันมานักต่อนักแล้ว ลูกครึ่งหลายคนที่โปรไฟล์หนาเมื่อมาเล่นในไทยลีกที่มีจังหวะบอลแตกต่างจากลีกที่คนเหล่านี้เคยเล่นมา มักไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกคน

ต่างต้องใช้เวลาปรับตัวกันทั้งนั้น

ดังนั้น ‘โจนาธาร’ ยังต้องพิสูจน์ในเวทีไทยลีกว่า เขาสามารถเล่นได้หรือไม่.

___________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย

แสดงความเห็น