ลุ้นขึ้น รถไฟเที่ยวสุดท้าย ปรับครม.-ชิงเก้าอี้รมต. 

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกสั้นๆหลังถูกสื่อถาม

หาความชัดเจนเรื่อง “การปรับคณะรัฐมนตรี”โดยกล่าวตัดบท ทำนอง “ยังไม่คิด-ยังไม่ปรับ” 

ขณะที่ ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา “ผู้จัดการรัฐบาล-หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โปรยยาหอมกับกลุ่ม 6 ส.ส.ปากน้ำ สมุทรปราการ ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัด สมุทรปราการ ว่า “สมุทรปราการ ต้องมีรัฐมนตรี”

ทั้งที่ กลุ่มปากน้ำ พลังประชารัฐ เพิ่งจะแหกโผ ไปลงมติไม่ไว้วางใจ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพลังประชารัฐ มาแท้ ๆ จนทำให้ ส.ส.กลุ่มสุชาติ เดือดพลั่กๆ ที่โดนกลุ่มปากน้ำของ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เสียบเข้าข้างหลังแบบไม่ทันระวังตัว แต่ บิ๊กป้อม กลับจะให้โควตารัฐมนตรีกับกลุ่มปากน้ำ จนเกิดเสียงวิจารณ์กันอื้ออึง ว่า บิ๊กป้อม คิดการใด กันแน่ มีอะไรซ่อนเงื่อน อยู่ข้างหลัง กลุ่มปากน้ำ?

ยิ่งส.ส.กลุ่มปากน้ำ ออกมาระบุชัดๆ ต้องการให้ บิ๊กป้อม เป็นรมว.มหาดไทย เพราะน่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่า พลเอกอนุพงษ์ ก็ยิ่งทำให้ บิ๊กป้อม ถูกมองว่า หรือจะเป็นความต้องการจะ สไลด์เก้าอี้ ของพลเอกประวิตร จากรองนายกฯที่เป็นตำแหน่งลอย ไปเป็น มท.1 ก่อนการเลือกตั้ง 

โดยแม้ต่อให้ พลเอกอนุพงษ์ จะบอกว่า ไม่ติดใจอะไรเรื่องนี้และยืนยัน สัมพันธ์ 3 ป.ไม่มีใครทำลายลงได้ หลังมีกระแสข่าวว่า หากมีการปรับครม.อาจมีการสลับเก้าอี้เกิดขึ้น จนมีข่าวลือหลายสูตร เช่น มีการสลับเก้าอี้กัน คือ พลเอกประวิตร เป็นรมว.มหาดไทย แล้ว พลเอกอนุพงษ์ เป็นรองนายกฯ หรือ พลเอกประวิตร เป็นรองนายกฯ ควบรมว.มหาดไทย แล้ว พลเอกอนุพงษ์ เป็นรมว.กลาโหม โดยพลเอกประยุทธ์ เป็นแค่นายกฯตำแหน่งเดียว บ้างก็ลือถึงขั้นไปโน่นเลยว่า พลเอกอนุพงษ์ อาจต่อรอง ขอเป็นรมว.พลังงาน ส่วน  สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  ก็เป็นแค่ รองนายกฯตำแหน่งเดียว 

เชื่อได้ว่า หลังจากนี้ กระแสข่าว สูตรปรับครม.คงออกมาอีกหลายสูตร ตามแนวทางข่าวที่ถูกกระจายกันออกมา จนกว่า สุดท้ายจะมีการปรับครม.เกิดขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ พลเอกประยุทธ์ บอกว่ายังไม่คิด เรื่องปรับครม.ทั้งที่ตอนนี้ เก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลก็ว่างอยู่สองตำแหน่งมาร่วมสิบเดือนแล้ว นับแต่พลเอกประยุทธ์ ปลด ธรรมนัส พรหมเผ่าและนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากครม. ผนวกกับ ที่ผ่านมา นายกฯก็ไม่ได้ปรับครม.นานแล้ว และหากจะมีการปรับ เพื่อเขย่าขวด รอบสุดท้าย บนเป้าหมายคือเพื่อให้พลังประชารัฐและพันธมิตรพรรคร่วมรัฐบาล จัดทัพส่งคนไปเตรียมการเลือกตั้ง และตอนนี้ รัฐบาลก็ผ่านศึกซักฟอกไปแล้ว 

ทำให้  ไทม์มิ่งการเมือง ถือว่าหลังจากนี้ หากจะปรับครม. ก็เหมาะสมสุดๆ เพราะการเมืองในสภาฯ เรื่องร้อน ๆที่จะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล จบหมด ทำให้ หากพลเอกประยุทธ์และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลจะปรับครม.ในส่วนของพรรคตัวเอง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกระเพื่อมที่จะตามมา

ปัจจัยทั้งหมด ทำให้ หลายคนมองว่า มีโอกาสสูงที่น่าจะมีการปรับครม.เกิดขึ้น เพียงแต่ที่พลเอกประยุทธ์ ต้องสงวนท่าทีเรื่องนี้ เพราะการปรับครม.แต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน จะมีแรงกระเพื่อมตามมา เพราะมีทั้งคนสมหวัง-คนผิดหวัง ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาการเมืองตามมา ภายในพรรคร่วมรัฐบาล 

ยิ่งรัฐบาลประยุทธ์ ที่มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคแบบตอนนี้ และตอนนี้สภาฯ ก็เหลืออายุอีกแค่ 8 เดือน รัฐบาลก็เตรียมนับถอยหลัง หมดวาระตามไปด้วยในเดือนมีนาคม หากอยู่ครบเทอม 

ทำให้คนที่อยากเป็นรัฐมนตรีทั้งในพลังประชารัฐ และในพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ต่างก็รู้ดีว่า เมื่อมีการปรับครม.เกิดขึ้น ก็จะเป็น “รถไฟเที่ยวสุดท้าย” หากพลาดรถไฟเที่ยวนี้ ดูแล้วจากเวลาของรัฐบาลและของสภา ฯ ที่หากอยู่ครบเทอม และเป็นรัฐบาลรักษาการช่วงเลือกตั้งอีกประมาณสองเดือน ก็เท่ากับสิบเดือน 

ทำให้ หากพลเอกประยุทธ์ จะปรับครม. ก็จะเป็นปรับครม.ครั้งสุดท้าย

ซึ่งหากสแกนกันรายพรรค จะพบว่า ทุกพรรค ล้วนมีคนอยากเป็นรัฐมนตรีกันมาก และมีเยอะ แต่ตำแหน่งมีจำกัด แล้วไหนจะพวกพรรคเล็ก ก็อาจใช้โอกาสนี้ ขอวัดใจ พลเอกประยุทธ์ ให้ปรับครม.ให้พรรคเล็กบ้าง

เพราะบางพรรคเช่น พลังท้องถิ่นไท ของ ชัช เตาปูน หรือชัชวาลล์ คงอุดม ที่ลุ้นเก้าอี้มานาน ก็คงจะคิดในใจ ที่ผ่านมา พลังท้องถิ่นไท ทำตัวดีมาตลอด ไม่เคยวอแว รอมาสามปีกว่า ปรับครม.รอบสุดท้าย ก็ขอลุ้นมีตำแหน่งสักครั้งในชีวิต ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย 

ขณะที่ใน “พรรคประชาธิปัตย์” ข่าวว่า ทั้งแกนนำ-ส.ส.-นายทุนพรรค อยากจะได้ลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีเช่นกัน 

แถมประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา สามปีกว่า ปรับครม.ไปรอบเดียว-ตำแหน่งเดียว ที่ สินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี  เข้าไปเป็นรมช.พาณิชย์ แทน ถาวร เสนเนียม ที่หลุดจากตำแหน่งจากคดีกปปส.

ทำให้มีข่าวว่า ในประชาธิปัตย์ หากมีสัญญาณปรับครม.เมื่อใด รับรองมีป่วน!

เพราะมีคนจ้องแซะเก้าอี้ จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯเพียบ เห็นได้จากความคุกรุ่นตอนช่วงศึกซักฟอก ที่จะมีส.ส.ประชาธิปัตย์ จะงดออกเสียงไว้วางใจ จุติ เพื่อทำให้ จุติได้คะแนนไว้วางใจน้อย จะได้นำไปสู่การปรับครม. แต่พอดี ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ มาห้ามทัพเสียก่อน 

อย่างไรก็ตาม หากสุดท้าย ถ้ามีการปรับครม.เกิดขึ้น จุติ ก็มีโอกาสไม่น้อย ที่อาจถูกกดดันจากหลายกลุ่มในพรรค ให้หลุดจากรัฐมนตรี

ยิ่งเมื่อข่าวหลายกระแส เข้าหู กลุ่มจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคว่า เสี่ยไก่-จุติ คงไม่อยู่ประชาธิปัตย์  น่าจะออกไปเป็น เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อร่วมงานกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 

ข่าวนี้ เลยยิ่งน่าจะทำให้ หากมีการปรับครม.เกิดขึ้น ส.ส.บางกลุ่มในพรรค คงคิดเคลื่อนไหว บีบเอาเก้าอี้รัฐมนตรีจากจุติ มาให้คนอื่นในพรรคแทน 

ยิ่งระยะหลัง มีข่าว คนในประชาธิปัตย์บางส่วน ถึงจะเป็นส.ส.แค่สมัยเดียว แต่ “กระเป๋าหนัก” ก็พร้อมยอมบริจาคเงินให้พรรคระดับหนึ่ง เพื่อตุนไว้ทำศึกเลือกตั้ง หากได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรี และยิ่งหาก คณะกรรมการป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯส่วนกลางหลังจากนี้ในคดีนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กรณีสมัยเป็นนายกฯอบจ.สงขลา  ไม่จ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทาง แล้วศาลสั่งให้ นิพนธ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ 

แบบนี้ ยิ่งทำให้ ประชาธิปัตย์ อาจปรับสองตำแหน่ง ก็จะยิ่งทำให้ เกิดแรงกระเพื่อมของกลุ่มต่าง ๆที่ต้องการขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีแทน มากขึ้นไปอีก 

เพราะตอนนี้ข่าวว่า คนในพรรคประชาธิปัตย์บางส่วน มีแนวคิด อยากให้ประชาธิปัตย์ดัน นักการเมืองรุ่นใหม่ๆ ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค เข้าไปเป็นรัฐมนตรี เพื่อสร้างภาพลักษณ์พรรค ว่าสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เข้าไปทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นส.ส.หลายสมัย ก็สามารถข้ามส.ส.คนอื่น ๆเข้าไปมีตำแหน่งรัฐมนตรีได้ 

กระแสข่าวดังกล่าว เลยทำให้มีคนจับตามองไปที่บางคนที่อาจเข้าข่าย เช่น ‘ตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร’ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และรองเลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์ ทายาท จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) รวมถึงแม้แต่ “อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์” ที่ปัจจุบันได้รับการโปรโมตให้เป็น ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจทันสมัย 

โดยเป็นที่รู้กันว่า ทั้งสองคน นอกจากเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรคแล้ว ทั้งสองคนถือว่าคนมีฐานะดี ซึ่งอาจเข้ามาช่วยซับพอร์ตพรรคในตอนเลือกตั้งรอบหน้ามากขึ้นก็ได้ เพียงแต่จุดอ่อนของทั้งสองคนก็คือ เพิ่งจะเป็นส.ส.สมัยแรก หากได้รับการโปรโมตเร็ว ไปข้ามหัวส.ส.-แกนนำพรรคคนอื่น  เชื่อว่าคงเจอแรงต้านจากคนในพรรคเยอะ  

ขณะที่ หากนิพนธ์-รมช.มหาดไทย  ไม่รอด ต้องถูกศาลสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ ข่าวว่า กลุ่มสายใต้ก็มีหลายคนพร้อมรอเสียบเป็นรัฐมนตรีแทน ในฐานะโควตารัฐมนตรีภายใต้  เช่น ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรม รองประธานวิปรัฐบาล – นริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง หรือแม้แต่ เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ที่เป็นส.ส.สมัยแรก คงหวังเช่นกัน 

เพียงแต่กรณีของนิพนธ์ เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่า ป.ป.ช.จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลเมื่อใด และศาลจะนัดฟังคำสั่งคดีช่วงไหน ซึ่งหากยืดเยื้อไปจากนี้อีกหลายเดือน หากนายกฯส่งสัญญาณปรับครม.ขึ้นมา ทางพรรคประชาธิปัตย์ หากจะปรับครม. ก็คงไม่รอผลคดีนิพนธ์ ถ้าจะปรับ ก็คงปรับไปก่อนเลย 

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า หากพลเอกประยุทธ์ จะปรับครม.จริง ก็คงปรับช่วงเดือนกันยายน

เพราะถึงตอนนั้น ไทม์มิ่ง น่าจะลงตัวที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ปลอดโปร่งการเมืองมากสุดแล้ว เพราะไปถึงตอนนั้นเรื่องกฎหมายลูกสองฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้งส.ส. จะชัดเจนว่าจะออกมาอย่างไรกับเรื่องสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์จะเป็น 100 หรือ 500 หารกันแน่

อีกทั้งถึงตอนนั้น ร่างพ.ร.บ.งบฯ 2566 ก็ผ่านสภาฯ  และช่วงดังกล่าว รัฐบาลก็จัดทัพ แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กข้าราชการ ทุกหน่วยงานเสร็จหมด รวมถึง เรื่องปัญหาคดีความของรัฐมนตรีในรัฐบาลเช่น กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการที่ศาลอาญาคดีทุจริตภาคสอง นัดพร้อมฟังคำสั่งคดีออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ ในวันที่ 5 ส.ค. ก็ต้องดูว่าศาลจะสั่งให้นางกนกวรรณยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ รวมถึงพอไปถึงช่วงดังกล่าว คดีของนิพนธ์ ก็อาจจะชัดเจนแล้วว่าจะเป็นอย่างไร 

และที่สำคัญ พลเอกประยุทธ์ คงต้องการเคลียร์ตัวเองว่าสุดท้ายเรื่องปมข้อกฎหมายวาระแปดปี นายกฯ ที่หากนับจากตอนเป็นนายกฯช่วงคสช.ก็จะครบ 23 สิงหาคมนี้ ที่ฝ่ายค้าน เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเดือนสิงหาคมนี้ สุดท้ายแล้ว จะได้เป็นนายกฯต่อหรือต้องหลุดจากเก้าอี้ 

ซึ่งหาก พลเอกประยุทธ์ ไม่หลุดจากนายกฯในช่วง23 สิงหาคม แล้วทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว ตามที่บอกข้างต้น จึงมีการมองกันว่า กันยายน จึงเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด ในการปรับครม. 

แสดงความเห็น