ชัชชาติ เตรียมหาวิธีเฝ้าระวัง กัญชาเข้าโรงเรียน ดูข้อกฎหมายติดป้าย ให้เป็นพื้นที่ปลอดกัญชา

ชัชชาติ เตรียมหาวิธีเฝ้าระวัง กัญชาเข้าโรงเรียน ดูข้อกฎหมายติดป้าย-ออกประกาศ ให้เป็นพื้นที่ปลอดกัญชา หลังพบเยาวชน-คนอายุไม่เยอะ เสพกัญชา เสียชีวิต ยอมรับถือเป็นเรื่องใหม่ต้องหารือกับผู้เชี่ยวชาญ และไม่ให้ขัดกับสิทธิเสรีภาพ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. บอกถึงแนวดำเนินการเพื่อป้องกันผลกระทบจากกฎหมายกัญชาเสรี และการเฝ้าระวังปัญหาที่เกิดจากการใช้กัญชาในนักเรียน โรงเรียนสังกัด กทม.ว่า ค่อนข้างกังวล ทางกรุงเทพมหานคร มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีสามส่วนหลัก คือสำนักการแพทย์ สำนักอนามัยและสำนักการศึกษา จากตัวเลขข้อมูลที่ได้รับในการประชุมวันนี้พบว่า มีผู้ป่วยเข้ามารักษาตัวจากกัญชาแล้ว 4 ราย คือโรงพยาบาลตากสินมหาราช เป็นชายอายุ 17 และ 25 ปี มีอาการใจสั่น และพบว่ามีเสียชีวิตแล้ว 1 รายที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ อายุ 51 ปี เสพกัญชาและเกิดอาการหัวใจล้มเหลว และที่โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์หนึ่งรายอายุ 16 ปีหกเดือน แพทย์พบว่าเสพกัญชาปริมาณจำนวนมากจนเกินไป ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยวิกฤต

โดยทั้งหมดนี้เป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ 9 มิถุนายน ที่มีการประกาศกัญชาเสรีในประเทศไทยซึ่งจากการประชุมทางสำนักการแพทย์แจ้งว่า ไม่เคยมีการพบเหตุการณ์ลักษณะนี้ ส่วนตัวมองว่า ข้อมูลที่ได้รับจะทำให้หลังจากนี้ต้องมีการเตรียมการแพทย์รองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดี

ทั้งนี้บางส่วน อาจจะยังมีประชาชนที่ไม่เข้าใจถึงวิธีการใช้ของกัญชา หลังจากนี้จะต้องใช้วิธีการติดตามเฝ้าระวัง และเน้นการให้ข้อมูลมากขึ้น ซึ่งในส่วนโรงเรียนยังเป็นข้อกังวล เพราะอาจมีการนำกัญชาเป็นส่วนประกอบในอาหาร หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของสำนักอนามัย ที่จะต้องตรวจสอบและหาแผนเฝ้าระวัง

นายชัชชาติ ย้ำว่า หลักสำคัญของเรื่องนี้คือการเน้นให้ความรู้อย่างเข้มข้นและมีความเป็นไปได้ ที่กทม. จะเพิ่มเติมมาตรการป้องกันกัญชาในกลุ่มสถานศึกษา ซึ่งอาจออกประกาศ หรือ ปักป้ายหน้าโรงเรียน ในสังกัด กทม. ทั้ง 436 แห่งให้เป็นพื้นที่ปลอดกัญชา แต่จะทำได้หรือไม่ ต้องไปศึกษาระเบียบอีกครั้งก่อน

รวมไปถึงร้านอาหารโดยรอบสถานศึกษา ที่จะต้องมีการเฝ้าระวัง เรื่องการนำกัญชาไปผสมในอาหาร แม้ในกฎหมายจะมีการระบุว่า สามารถทำได้แต่ส่วนตัวมองว่า ไม่อยากให้เด็กนักเรียนไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องยอมรับว่าหลายครั้งอาจจะเป็นประตูไปสู่การยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดประเภทอื่น ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของกทม. ที่ต้องมีการหาข้อมูลและพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในเมื่อเรื่องนี้เป็นกฎหมายออกมาเราต้องปฏิบัติตามแต่ก็ต้องมีการพิจารณาผลกระทบอย่างรอบด้าน แต่ทั้งนี้การจะออกระเบียบอะไรก็ตามต้องไปดูว่าจะขัดกับเรื่องสิทธิเสรีภาพระดับไหนบ้าง

แสดงความเห็น