อัจฉริยะ เอาผิดตำรวจ ชุดทำคดีแตงโม ชี้ มีขบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ-ขาดประสบการณ์

อัจฉริยะ กล่าวโทษ เอาผิดตำรวจ ชุดทำคดีแตงโม ชี้ มีขบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ มองขาดประสบการณ์ หวั่น ผู้ต้องหาถูกยกฟ้อง เหมือนคดีลัลลาบาเบล หวังเปิดหลักฐานหลังตำรวจแถลงปิดคดี ให้อัยการสั่งสอบเพิ่ม ปม เจอเส้นผมบนเรือ ยันทำเพื่อกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ลั่นไม่ให้ค่าแม่แตงโม

ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ปปป. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือกับพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับคณะพนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 (สภ.นนทบุรี) ตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญามาตร 131 และ 132 และคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 157

โดยนายอัจฉริยะ ให้สัมภาษณ์ว่า การร้องทุกข์นี้ในวันนี้สืบเนื่องจากพนักงานสอบสวนที่มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ปฏิบัติตาม และมีการปล่อยให้สร้างพยานหลักฐานเท็จจากเรือของกลางที่ไม่ได้ถูกเก็บอย่างถูกต้องตามระเบียบ รวมถึงการเก็บวัตถุพยาน และการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบเรือของกลาง แล้วพบว่าใน 3 ครั้งแรกไม่ปรากฏเส้นผมที่เรือของกลาง จนมาถึงการตรวจสอบเรือในครั้งที่4 ที่พบเส้นผม ซึ่งการตรวจเรือครั้งที่ 4 เป็นการกล่าวอ้างจากคำสั่งของพนักงานสอบสวนที่พบเจอเส้นผม คำถามคือพนักงานสอบสวนรู้ได้อย่างไร ตลอดจนการนำมาสู่การตรวจครั้งที่ 5 ที่เพิ่งจะมาเจอแก้วไวน์และแก้วแชมเปญและไม่เจอใน 4 ครั้งแรก

ทั้งนี้ยังพบอีกว่า ในการตรวจเรือครั้งที่ 1 และ 2 ก็มีบุคคลภายนอกที่ได้เข้าไปดูเรือของกลาง ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการดูแลเก็บรักษาของกลาง เพราะเป็นวัตถุพยานสำคัญ ทำให้ตนเองไม่สามารถเชื่อใจได้ว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะวัตถุพยานทั้งหมดสามารถที่จะทำให้รู้ตัวผู้กระทำผิดได้ และมองอีกว่า ตำรวจมีธงในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้ว ทำให้ไม่เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต และพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดนี้ก็เคยทำคดี “ลัลลาเบล” ที่ทำให้ศาลยกฟ้องผู้ต้องหามาแล้ว จึงไม่อยากให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะเชื่อว่าอัยการตีกลับสำนวนแน่นอน รวมถึงตั้งข้อสังเกตการกระทำของตำรวจชุดทำคดี ที่พยายามนำกระติกส่งฟ้องต่อศาลในข้อหาให้การเท็จ แต่เมื่อศาลตีกลับ ก็มีการแจ้งข้อหากระติกเพิ่ม และไปขอถอนคดีกระติกที่ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี เพื่อไปใช้ในศาลจังหวัดนนทบุรี เพราะมีอัตราโทษสูงกว่า จึงมองว่าการกระทำของพนักงานสอบสวนชุดนี้ ส่อให้เห็นถึงความไม่มีประสิทธิภาพ ขาดทักษะ และขาดประสบการณ์ ซึ่งถ้าปล่อยให้คนที่มีความรู้แบบนี้มาดำเนินการ ความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะไม่มีความน่าเชื่อถือ และการเก็บหลักฐานของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานในอนาคตจะมีความเชื่อถืออยู่หรือไม่

ทั้งนี้ ยังมองอีกว่าการกระทำของพนักงานสอบสวนมีความแปลกตั้งแต่ย้ายศพจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์มาที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถตอบคำถามบาดแผลที่ต้นขาของแตงโมได้ จึงมองว่าการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดนี้ จะต้องถูกดำเนินคดี โดยหลังจากยื่นเรื่องถึง ปปป. แล้ว จะต้องมีหน้าที่ไปสืบสวนสอบสวนให้ได้ว่าเส้นผม 3 เส้นของแตงโมที่พบบนเรือมาได้อย่างไร  

นายอัจฉริยะ ยังบอกด้วยว่า ไม่ต้องถามว่าที่มาของการนำหลักฐานมาเปิดของตนเองได้มาอย่างไร แต่ให้ไปถามผู้บัญชาการภาค 1 ว่าหลักฐานชิ้นนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่เป็นของจริงหรือไม่ แม้จะบอกว่าหลักฐานชิ้นนี้ตำรวจมีแล้วก็ตาม แต่ทำไมถึงไม่มาเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบ เพราะหลักฐานดังกล่าวมองว่าไม่ใช่เรื่องลับ และไม่ทำให้เกิดผลเสียหายในการตรวจเจอเส้นผม 3 เส้น แต่ทุกครั้งที่มีการแถลงข่าวกลับไม่มีการพูดถึงประเด็นนี้  ยืนยันว่าหลักฐานที่นำมาเป็นของจริง แต่ไม่ขอยืนยันว่าอยู่ในสำนวนหรือไม่ เพราะเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่าลักสำนวนมาเปิดเผย โดยตนจะรอทางตำรวจแถลงข่าวในวันที่ 26 เมษายนนี้ ก่อนที่จะนำหลักฐานที่เหลือมาเปิดเผย

นายอัจฉริยะ ยังตั้งคำถามอีกว่าทางพนักงานสอบสวนทราบได้อย่างไรว่าแตงโมจับขาแซน ทั้งที่ยังไม่เคยปรากฏภาพกล้องวงจรปิดในมุมดังกล่าว ซึ่งภาพที่ตนมี ก็เชื่อว่าจะเป็นหลักฐานชิ้นเดียวกันกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมี ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แต่เชื่อว่าเป็นการมองต่างมุมกันระหว่างตนและตำรวจ แต่ไม่ได้บอกว่าของใครเป็นข้อมูลเท็จ อยู่ที่มุมมอง

ทั้งนี้หากตนพิสูจน์ได้ว่า “แซน” ไม่ได้อยู่ท้ายเรือ คดีก็จะต้องเปลี่ยน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องไปพิสูจน์ว่าจุดตกของแตงโมอยู่ตรงไหน  โดยการแถลงข่าวของตนหลังจากที่พนักงานสอบสวนแถลงปิดคดีแล้วนั้น ก็หวังผลในชั้นอัยการว่าจะเชื่อในสิ่งที่อยู่ในสำนวนหรือไม่ หรือจะให้กลับมาทำการสอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นการตรวจเจอเส้นผม พร้อมยังย้ำว่า ถ้าพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้อยู่ท้ายเรือก็อาจจะเป็นคดีฆาตกรรม

ส่วนกรณีที่ทางแม่คุณภนิดา ศิระยุทธโยธิน ออกมาบอกว่า ไม่ได้ให้ค่ากับหลักฐานของตนเองนั้น นายอัจฉริยะ บอกว่า ส่วนตัวก็ไม่ได้ให้ค่ากับทางคุณแม่อยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำเพื่อแตงโมคนเดียว แต่อยากเห็นความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และไม่ใช่เอาใจใส่แต่คนรวย

แสดงความเห็น