“หมอพรทิพย์” ยันไม่ได้ก้าวก่ายตำรวจทำคดี “แตงโม” รับห่วงแม่ฟังจากคนอื่น แล้วตัดสินเปลี่ยนไปมา

“คุณหญิงหมอพรทิพย์” ยันไม่ได้ก้าวก่ายตำรวจทำคดี “แตงโม” รับห่วงแม่ไม่ได้รับรู้เอง ฟังจากคนอื่น แล้วตัดสินเปลี่ยนไปมา เชื่อกรรมาธิการทำหน้าที่ต่อ เพราะตอนแรกที่ทำก็ไม่ได้มาจากคำร้องแม่แตงโม

คุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิและเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่ตกเรือเสียชีวิต พร้อมทนายเดชา จะเดินทางมายื่นให้กรรมาธิการถอนตัวจากการพิจารณาคำร้องการเสียชีวิตของแตงโม

โดยคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ เชื่อว่า ตัวเองคือ สาเหตุที่ทำให้แม่มายื่นให้ถอนตัว ซึ่งเป้าประสงค์หลักไม่ใช่กรรมาธิการ ที่บางฝ่ายไม่ต้องการให้เข้าไปยุ่งในคดี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่ากรรมาธิการ เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการทำคดี ซึ่งคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงไม่เข้าใจการบทบาททำงานของกรรมาธิการ เนื่องจากเรื่องนี้กรรมาธิการสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว เพราะกระทบสิทธิ์ของประชาชน

พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายในคดี เพราะยังไม่เคยขอดูวัตถุพยาน เพียงแต่ขอเข้าไปดูเรือ เนื่องจากพบข้อมูลหลายกระแส และกรรมาธิการเพียงให้คำแนะนำเรื่องของการเก็บรักษาหลักฐาน วัตถุพยาน ไม่ให้โดนเปลี่ยนแปลงโดยสภาพอากาศ ซึ่งแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าก้าวก่าย ส่วนคำแนะนำของนายสมชาย แสวงการ ประธานกรรมาธิการที่ให้นำทั้ง 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จ ก็ไม่ได้มีนัยยะอะไรเป็นอย่างอื่น

คุญหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นทำให้กรรมาธิการเห็นภาพใหญ่ของการปฏิรูป ว่าจุดใดต้องปฏิรูป ซึ่งส่วนตัวเข้าใจคุณแม่ แต่ก็ห่วงแตงโมซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต เหมือนถูกปู้ยี่ปู้ยำ ดึงเรื่องไปมา แทนที่จะมุ่งให้เกิดความจริงกระจ่าง ยืนยันกรรมาธิการจะยังคงเดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อไป เพราะเหตุที่ทำตั้งแต่ต้น ก็ไม่ได้ทำเพราะคุณแม่เป็นคนร้องขอ แต่เนื่องจากตอนแรกคุณแม่น้องแตงโมต้องการให้เข้าไปดูเรื่องของการชันสูตร แต่เห็นว่า ควรจะเป็นเรื่องของระบบกรรมาธิการ ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล จึงเข้าไปทำหน้าที่ในนามกรรมาธิการ และยิ่งเกิดเรื่องแบบนี้กรรมาธิการยิ่งสนใจว่า เกิดอะไรขึ้น

นอกจากนี้ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ส่วนตัวห่วงคุณแม่ ที่ไม่ได้รับรู้อะไรด้วยตัวเอง เพียงฟังผ่านหูจากคำบอกเล่าของคนอื่น ซึ่งหากเป็นแบบนี้สังคมถือว่าอันตราย เพราะหากฟังคนอื่น ไม่ได้รับรู้ด้วยตัวเอง แต่ตัดสินใจทำอะไรลงไปแบบนี้น่าห่วง  ยังบอกว่า กรรมาธิการอยากให้ญาติเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณา แต่ที่ผ่านมาทำเท่าไหร่แม่ก็ไม่ยอมมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก แตกต่างจากเรื่องทั่วไป โดยไม่ได้ห่วงว่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรที่ทำให้แม่มาถอนเรื่องออกจากกรรมาธิการ เพียงแต่ห่วงใยแตงโมผู้เสียชีวิต เมื่อปรับเปลี่ยนตามกระแสสังคมสุดท้ายที่สุดไม่มีใครปฏิเสธความจริงได้

แสดงความเห็น