รมว.ยุติธรรม แจงฉีดไข่ฝ่อทำโดยพลการไม่ได้ ต้องมีความเห็นแพทย์-คำสั่งศาล ยันไม่ใช่วิธีป่าเถื่อน

รมว.ยุติธรรม แจงฉีดไข่ฝ่อทำโดยพลการไม่ได้ ต้องมีความเห็นแพทย์-คำสั่งศาล ยันไม่ใช่วิธีป่าเถื่อน นานาประเทศก็ทำกัน ชี้สหรัฐฯ มีบางรายต้องถูกคุมทั้งชีวิต มั่นใจกฎหมาย JSOC ล้ำสมัย รัฐบาลต่อไปปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก เพิ่มมิติให้สังคมปลอดภัย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง ร่างพ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง ว่าขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการป้องกันภัยคุกคามทางเพศและความรุนแรงต่างๆ รวมทั้งการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการใช้หลักทางจิตวิทยา และมาตรการทางการแพทย์ เพื่อเข้ามามีส่วนในการป้องกันในผู้ต้องหาที่ได้กระทำผิดซ้ำ เช่น การใช้ยา การฉีดฮอร์โมนลดความต้องการทางเพศ หรือ ฉีดให้ฝ่อ โดยมาตรการทางการแพทย์ ควบคู่กับมาตรการทางกฎหมายใส่อุปกรณ์ติดตามตัว และมีเจ้าหน้าที่คุมประพฤติติดตามดูแล เพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้หญิงและเด็ก

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในประเด็นที่สังคมมีการถกเถียงเรื่องการฉีดให้ฝ่อนั้น เราทำโดยพลการไม่ได้ ต้องมีความเห็นจากแพทย์ และเจ้าหน้าที่ต้องร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างน้อย 2 คน มีความเห็นพ้องต้องกันโดยจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้กระทำความผิดด้วย ซึ่งวิธีการต่างๆที่เรากำหนดไว้ไม่ใช่เรื่องป่าเถื่อน นานาประเทศเขาก็ทำกัน อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา มีบางรายที่ต้องถูกควบคุมตลอดชีวิต ส่วนค่าใช้จ่ายการฉีดให้ฝ่อ 100,000 บาทต่อรายนั้น ตนคิดว่าคงมีไม่กี่คนที่ต้องฉีด และขั้นตอนไม่ได้เร็วหรือง่าย ซึ่งการที่เรามีกำไล EM และอาสาสมัครคุมประพฤติก็สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้มากอยู่แล้ว

“กฎหมายฉบับนี้ถือว่าล้ำสมัยมาก อยู่ที่เวลาในการก้าวต่อไป ผมเชื่อว่ารัฐบาลในยุคหลังจากนี้จะปรับปรุงให้สมบูรณ์ได้มากขึ้นไปอีก เพิ่มมาตรการในทุกมิติ ที่เราทำกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อหวังให้สังคมปลอดภัย คดีต่างๆที่เกี่ยวกับเพศและความรุนแรง รวมทั้งผู้กระทำผิดซ้ำจะลดลง หากสังคมรับรู้ว่าคนร้ายอยู่ที่ใด สังคมจะปลอดภัย เพราะเราช่วยดูแลกันเองได้” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น