“สมศักดิ์” ประชุม​ 6 ประเทศกลุ่มลุ่มน้ำโขง ร่างปฏิญาณกรุงเทพ จับมือปราบยาเสพติด พร้อมตั้ง​ “แผนปฏิบัติการ​1511” ดีเดย์พร้อมกัน​ 6 ประเทศ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการประชุมระดับรัฐมนตรี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 13 – 15 พฤศจิกายน​ 2562 ว่า การประชุมได้มี 6 ประเทศจากกลุ่มลุ่มน้ำโขง คือ จีน ไทย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม นอกจากนี้การประชุมยังได้เชิญเอกอัครราชทูต จาก 20 ประเทศ ที่เป็นต้นทางและปลายทางของยาเสพติด มาร่วมรับฟังแนวทาง อาทิ เอกอัครราชทูตจากออสเตรเลีย เดนมาร์ก ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน ซึ่งการประชุมครั้งนี้ได้มีการร่างปฏิญาณกรุงเทพฯ และแผนปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง พร้อมประกาศ คิกออฟแคมเปนการปราบปรามยาเสพติด เรียกว่า “แผนปฏิบัติการ1511” ซึ่งแนวทางการทำงานนั้น คือ การปราบปรามยาเสพติดพร้อมกัน 6 ประเทศ เราจะดีเดย์พร้อมกัน ซึ่งเราจะกำหนดวันเมื่อผู้บริหารระดับสูงตกลงกำหนดร่วมกันในเร็วๆนี้ แผนงานเบื้องต้น คือการยกระดับการป้องกันสารตั้งต้นเข้าพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีสาร 24 ชนิด ที่สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) กำหนด รวมทั้งสารอีก 12 ชนิดที่ประเทศไทยประกาศเพิ่ม สาเหตุที่สารตั้งต้นมีมากมายขนาดนี้เพราะสารแต่ละตัวเมื่อนำมารวมกันแล้วจะกลายเป็นเคมีภัณฑ์ที่เป็นอันตราย เราต้องดำเนินการให้เด็ดขาด นี่คือความหมายของแผนปฏิญาณกรุงเทพฯ 

“เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การป้องกันและปราบปราม แต่รวมถึงการบำบัดดูแล แลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละประเทศด้วย แผนปฏิบัติการนั้นจะใช้เวลา 2 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2562 – 2564 ในแผนครั้งนี้มี 4 ประเด็นหลัก คือ 1.ปัญหายาเสพติดที่ทำลายสุขภาพ 2. เรื่องการปราบปรามและป้องกัน 3. เรื่องกฎหมายของแต่ละประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ ต้องบูรณาการร่วมกันให้คล่องตัว และ การพัฒนาอาชีพทดแทน ซึ่งในส่วนนี้ประเทศไทยได้รับการชื่นชมในผลงานที่น่ายกย่องจากการประชุม เพราะในส่วนนี้เป็นพระราชกรณียกิจ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงงานต่อเนื่องจนถึง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น สิ่งที่ดีตรงนี้ได้รับการเชิดชูและยกย่องจากกลุ่มประเทศที่ร่วมมือกัน” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น เพราะเราจริงจังมาตลอด โดยมียูเอ็นโอดีซี เป็นหน่วยงานหลัก ที่ร่วมมือกันจัดการประชุมอยู่บ่อยๆ รัฐบาลไทยมีความจริงจังในการปราบปราม สนธิกำลังในเขตชายแดน ไม่ว่าจะเป็น เมียนมาร์และสปป.ลาว เราแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งได้ส่งข้อมูลไปยังประเทศปลายทางทำให้มีการจับกลุ่มยาเสพติดได้มากขึ้น 

ขณะที่ประเด็นการดูแลชาวบ้านและชุมชน ให้ห่างจากยาเสพติด เรามีการพัฒนาขึ้นจากการให้ความรู้ ส่งเสริมการสร้างความรักในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น เวลานี้ตนต้องย้ำว่า ยาเสพติดผลิตกันง่ายมากขึ้น เพราะใช้เพียงสารตั้งต้น ไม่ต้องใช้สารจากพืช ทำให้ในปีที่ผ่านมายอดมูลค่าของยาเสพติดนั้นสูงถึง 60,000 ล้านเหรียญ หากทุกประเทศทั่วโลกไม่ร่วมมือกันอย่างจริงจัง ยาเสพติดจะกระจายไปทั่ว ซึ่งจากการประชุมครั้งนี้ แต่ละประเทศได้รับข้อมูลต่างๆไปแล้ว เชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มหาศาล เราต้องทำเพื่อประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ

แสดงความเห็น