นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การประชุมหัวหน้าหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 43 ทั้ง 18 ประเทศ ให้การยอมรับว่าประเทศไทยในเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่านการลำเลียงยาเสพติดไปในหลายประเทศจึงทำให้ได้รับการยอมรับในเรื่องนี้และให้ความไว้วางใจ โดยจะเห็นได้จากสถิติจากสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ปริมาณผู้ที่ใกล้กับแหล่งยาเสพติดมีปริมาณลดลงไม่ถึงร้อยละ 5 ซึ่งความคาดหวังต้องการที่จะปราบปรามให้ยาเสพติดหมดไป 100% แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เนื่องจากในปัจจุบันประสิทธิภาพการผลิตยาเสพติดมีสูง และรวดเร็วมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังได้เสนอแนะเพิ่มเติมให้กับกลุ่มประเทศเอเชียและแปซิฟิก นอกเหนือการปราบปรามคือการเฝ้าระวังและสร้างให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในการต้อนรับยับยั้งและแจ้งที่มาเบาะแสยาเสพติด โดยสามารถแจ้งในทางลับได้เพื่อความปลอดภัย และในฐานะที่ประเทศไทยเผชิญกับปัญหายาเสพติดมาก่อนประเทศอื่นก็จะสามารถประคองและให้ความร่วมมือลดจำนวนผู้เสพได้จำนวนมาก
สำหรับการพบปะกับกลุ่ม 18 ประเทศครั้งนี้ นายสมศักดิ์ฯ ยังกล่าวว่าทุกประเทศไม่ได้แสดงความเป็นห่วงประเทศไทย เพราะยาเสพติดในปัจจุบันไม่ได้ผลิตมาจากพืชเป็นส่วนใหญ่แต่เปลี่ยนเป็นเคมีภัณฑ์ อาทิ ซูโดอีเฟดีน ที่เวลาขนส่งจะคัดกรองตรวจสอบได้ยาก ในส่วนของแหล่งยาเสพติดแหล่งใหม่นอกจากสามเหลี่ยมทองคำ อย่างแหล่งพระจันทร์เสี้ยวทองคำอยู่ในแถบประเทศอัฟกานิสถาน อิหร่าน นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เป็นแหล่งที่อยู่ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำพอสมควร ซึ่งมั่นใจว่าแหล่งดังกล่าวนี้จะไม่มีการขนหรือจำหน่ายผ่านทางประเทศไทย แต่เมื่อสามารถปราบปรามสามเหลี่ยมทองคำได้ก็ต้องมีมาตรการเฝ้าระวังแหล่งใหม่อย่างรัดกุม
ในส่วนการอภิปรายงบประมาณที่ผ่านมารัฐบาลถูกโจมตีในเรื่องการใช้งบประมานในการป้องกันปราบปราม ยาเสพติดได้ไม่ถึงเป้า นั้น นายสมศักดิ์ฯ กล่าวว่า ผู้อภิปรายในเรื่องนี้อาจจะยังไม่เข้าใจเพราะในพื้นที่ 100% มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่อาจจะยังมียาเสพติดอยู่ จึงขอฝากไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อยู่ในพื้นที่จุดที่ยังมีการขายยาเสพติดให้ช่วยกันสร้างความเข้มแข็ง สอดส่องดูแล ย้ำว่าปราบปรามอย่างเดียวไม่ได้ต้องช่วยสร้างการรับรู้ให้รู้เท่าทันโทษยาเสพติด และเร่งฟื้นฟูผู้ป่วยติดยาเสพติดให้กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ