รัฐสภา เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ประชามติ

รัฐสภา เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ประชามติ ด้าน ส.ว. ติดใจข้อบังคับ ต้องส่งร่างพ.ร.บ.หมวดปฏิรูปให้ศาล องค์กรอิสระ ก่อนทูลเกล้าฯ

ที่ประชุมรัฐสภา ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ…. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. เป็นประธานกมธ.ฯ พิจารณาแล้วเสร็จ ในวาระสอง  ต่อเนื่อง หลังจากที่การประชุม เมื่อวันที่ 8 เมษายน ต้องยุติลง เพราะมีปัญหาเรื่องจำนวนสมาชิกที่ใช้นับเป็นองค์ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการพิจารณาต่อเนื่อง คงเหลือมาตรารวมทั้งสิ้น 16 มาตรา ในหมวดว่าด้วยการคัดค้านการออกเสียง และ หมวดความผิดและะบทกำหนดโทษ  ตั้งแต่มาตรา 54 โดยผลพิจาณาและลงมติรายมาตรา พบเสียงข้างมากยึดตามการแก้ไขของ กมธ.เสียงข้างมาก ซึ่งมีสาระสำคัญ อาทิ 

กรณีการทำลายบัตรออกเสียงให้ชำรุด หรือ ทำให้เป็นบัตรเสีย หากเป็นบุคคลต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 2หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  , กรณีเป็นเจ้าพนักงานหรือผู้ที่มีหน้าที่จัดการออกเสียงประชามติ ต้องโทษจำคุก 1-10 ปีและปรับ 2หมื่น-2แสนบาท และให้ศาลเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี

กรณีทำลายเครื่อง อุปกรณ์ ออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อมูลการลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์  ให้ชำรุด เสียหาย หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการลงคะแนน หากเป็นบุคคล ต้องโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , กรณีเป็นเจ้าพนักงานหรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ ต้องโทษจำคุก 1- 10 ปี และปรับ 2หมื่น-2 แสนบาท และให้ศาลเพิกถอนสิทธิสมัครรรับเลือกตั้ง 10 ปี

ทั้งนี้ในประเด็นบทกำหนดโทษของการกระทำในการออกเสียงประชามติ ตามมาตรา 60  กมธ. ได้ปรับเนื้อหาใหม่ โดย กำหนดลักษณะการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะออกเสียงประชามติอันเป็นเท็จ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , และมีมาตราที่เพิ่มใหม่ ที่ห้ามผู้ใดรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิออกเสียง ลงคะแนนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ไปใช้สิทธิ ซึ่งกำหนดห้ามทำตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันออกเสียง 1 วัน จนถึงสิ้นสุดเวลาออกเสียง หากฝ่าฝืานต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และในมาตราสุดท้าย กมธ.ฯ เพิ่มขึ้นใหม่ โดยกำหนดบทลงโทษผู้ที่ทำผิด พ.ร.บ.ประชามติ แม้อยู่นอกราชอาณาจักร ต้องได้รับโทษในราชอาณาจักร เช่นเดียวกับการกระทำของผู้เป็นตัวการ ผู้สนับสนุน หรือผู้ใช้ให้กระทำควาามผิด ที่อยู่นอกราชอาณาจักรให้ถือว่าเป็นการกระทำในราชอาณาจักร

โดยหลังจากที่ประชุมใช้เวลาพิจารณารายมาตรา กว่า  3 ชั่วโมง ได้ลงมติ โดยมติข้างมาก  618 เสียงเห็นชอบต่อร่างพ.ร.บ. ไม่เห็นชอบ 4 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.ฐานะกมธ.ฯ ได้หารือกับที่ประชุมหลังจากที่รัฐสภา ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประชามติ แล้วว่า ขอให้ประธานวินิจฉัยความต่อการใช้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ที่ยังมีข้อขัดแย้ง กล่าวคือ ข้อ 108 กำหนดให้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิรูป ให้ทำเป็นสามวาระ และให้นำความหมวด 4 บังคับใช้โดยอนุโลม และข้อ 102 ที่กำหนดให้ ภายใน 15 วันที่ร่างกฎหมายที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ให้ประธานรับสภาส่งไปยังศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น หากศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องไม่มีข้อทักท้วงภายใน 10 วันที่ได้รับเรื่อง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนทูลเกล้าฯ ต่อไป กรณีที่องค์กรให้ความเห็นว่ามีข้อความใดที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ให้รัฐสภาแก้ไข  ตนจึงขอให้วินิจฉัยเพื่อเป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน

ทั้งนี้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ฐานะประธานที่ประชุม กล่าวว่า การหารือดังกล่าว ไม่มีผล แต่สามารถทำเป็นญัตติยื่นต่อประธานรัฐสภา ว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ และขาดขั้นตอนใดหรือไม่ และข้อหารือขอให้หารือนอกรอบ จากนั้นได้พักการประชุม เพื่อให้สมาชิกได้พักรับประทานอาหารก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาในร่างกฎหมายต่อไป

แสดงความเห็น