โดยในวันนี้ที่สำนักงานประกันสังคม มีการประชุมด่วน เพื่อหารือในประเด็นการเลื่อนการฉีดวัคซีนกับกลุ่มผู้กันประกันตน มาตรา33 โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุม ร่วมกับ ปลัดการกระทรวงแรงงาน และเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม และคณะทำงานศูนย์อำนวยการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชิ้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อผู้ประกันตน สาระสำคัญของการประชุมในวันนี้ ประเด็นหลักคือจะเป็นการเดินหน้าฉีดวัคซีนต่อ ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ได้ระบุไว้ เพื่อหารือว่าในจุดใดบ้างที่สามารถดำเนินการต่อได้
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่า กระทรวงแรงงานกราบขอโทษผู้ประกันตน มาตรา33 เพราะกระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม มีความหวังดีในสถานที่ฉีดวัคซีน เนื่องจากบางจุดมีสภาพอากาศที่ร้อน บางจุดมีปัญหาเรื่องเต๊นท์ และตอนฝนตก ก็ทำให้ไม่สามารถฉีดได้ แต่อาจจะทำให้ผู้ประกันตันและสังคมเกิดความวิตกกังวล จึงได้หารือกันอีกครั้ง และยืนยันชัดเจนแล้วว่า ในวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.นี้จะกลับมาฉีดวัคซีนต่อให้กับผู้ประกันตน แต่จะเป็นในจุดที่พร้อมเรื่องของสถานที่ก่อนเท่านั้น จากเดิมในกรุงเทพมหานครมี 45 จุด ก็จะเปิดฉีดต่อกว่า 30 จุด ส่วนสถานที่ที่ยังไม่พร้อมและจะต้องดำเนินการแก้ไข มีกว่า 10 จุด ก็จะต้องให้หยุดฉีดไป เพื่อไปดำเนินการหาสถานที่ใหม่ก่อน โดยมีผู้อำนวยการเขตสำนักงานประกันสังคมเป็นผู้รับผิดชอบในการหาสถานที่ และให้ระยะเวลา 7 วัน และหากจำเป็นต้องเสียค่าเช่า ก็จะต้องเสียเงิน ทั้งนี้ยอมรับว่า สถานที่ในกรุงเทพมหานครนั้นหายาก และมีราคาสูงด้วย แม้จะได้รับความอนุเคราะห์จากภาคเอกชนแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ส่วนสถานที่ที่จะต้องดำเนินการปรับปรุง เช่น ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล ที่เป็นจุดใหญ่ ไม่มีแอร์ และอากาศร้อน และบางครั้งมีคนเป็นลม ก็ทำให้ไม่แน่ใจว่าเป็นลมจากวัคซีนหรือสภาพอากาศ จึงจะต้องงดให้บริการในจุดนี้ก่อน และจะไปเจรจากับศูนย์การค้าอีกครั้ง อีกทั้งยังมี ตลาดเรนโบว์ ที่ค่อนข้างร้อนมากเพราะเป็นสถานที่ที่ไม่มีลม ซึ่งก่อนหน้านี้ อาจจะมีการตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ได้สำรวจสถานที่ก่อนนั้น นายสุชาติ บอกว่า เพราะไม่ต้องการให้ผู้ประกันตนต้องเดินทางไกลบางจุด จึงต้องขยายจุดให้ครอบคลุมและเยอะที่สุด จากเดิมที่มีเขตของสำนักงานเขตประกันสังคมอยู่เพียงแค่ 12 จุด ยืนยันว่า วัคซีนที่ฉีดคือ แอสตร้าเซเนก้า เช่นเดิม และล็อตแรกที่ได้มาคือ 1 ล้านโดส ยืนยันว่าเพียงพอต่อการบริหารจัดการ เดิมตั้งเป้าไว้ที่วันละ 50,000 คน แต่เมื่อมีหยุดฉีดก่อนก็จะเหลือวันละ 2-3 หมื่นคน ซึ่งหากพบว่าใครมาไม่ตรงคิวนั้น จะไม่รับคิวเสริมแล้ว จะแขวนคิวรอไว้ก่อน
ขณะเดียวกันยังพบอีกว่า มีปัญหาเรื่องการจัดคิวด้วยหลังจากวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าบางบริษัทไม่ได้มีการสำรวจพนักงานจริง เช่น บางบริษัทส่งรายชื่อมาประมาณ 1,000 คนไปรับการฉีดจริงเพียง 50% เพราะไปรับบริการจากที่อื่นแล้ว ทำให้คิวที่ล็อกไว้คลาดเคลื่อน ทั้งนี้จึงได้ประสานงานไปยังผู้บริหารองค์กรต่างๆให้กำชับ ไปยังฝ่ายบุคคลให้สำรวจซ้ำเพื่อไม่ให้ส่งรายชื่อมาทั้งหมดแต่มารับคิวฉีดไม่ได้จริง เพราะหากยังเกิดซ้ำ เจ้าหน้าที่ก็ทำงานลำบากเช่นกัน
แสดงความเห็น
