วันหนึ่งต้องเป็น ‘ศศลักษณ์’ อยู่ดี

DST.Special Report : เกิดดรามาทันทีหลัง ‘โก๋อุ้ม’ ธีราทร บุญมาทัน โคตรแบ็กซ้ายชาวไทย ประกาศถอนตัวทีมชาติ ทำให้บางคนถึงกับประณามว่า เห็นแก่ตัว

แต่ขณะที่อีกหลายๆ คนเข้าใจ เพราะสำหรับความทุ่มเทที่ผู้ชายคนนี้มอบให้ทีมชาติไทยที่ผ่านมามันแทบไม่ต้องมีข้อสงสัย หรือคำถามใดๆ เลย

เพราะมองในแง่ของความเป็นจริง ด้วยอายุอานาม นื่อาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาก็เป็น ดังนั้น หากไม่มีเหตุผลความจำเป็น ผู้ชายที่ชื่อ ‘ธีราทร’ ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

ขณะเดียวกัน เราควรจะเข้าสู่โหมดของการเตรียมตัวสู่การ ‘ผลัดใบ’ ในวันข้างหน้า เพราะสุดท้ายแล้ววันใดวันหนึ่ง ‘ธีราทร’ ก็ต้องแขวนสตั๊ดอยู่ดี อย่างไรเสียที่สุดเราต้องขาดเขาไปอยู่ดี

หลายๆ ครั้งที่เรามักกังวลกันว่า เมื่อขาดนักเตะคนนี้ไป ทีมจะอยู่กันอย่างไร เหมือนกับที่ครั้งหนึ่ง ‘เดอะโอ่ง’ ดุสิต เฉลิมแสนอดีตแข้งดาราเอเชียเลิกเล่น เคยมีคนพูดกันว่า

เราจะหาแบ็กซ้ายที่เก่งแบบนี้ได้อีกมั้ย แต่ปรากฏว่า เราก็มี ‘ธีราทร’ เข้ามาในที่สุด

เหมือนที่ ‘อากิระ นิชิโนะ’ บอกไว้ว่า เราต้องทุ่มเทให้หนักเพื่อทดแทนการขาดหายไปของ ‘โก๋อุ้ม’ 

มองไปที่ขุมกำลังที่ ‘นิชิโนะ’ หิ้วไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะแบ็กซ้าย กุนซือเลือดซามูไรหนีบไปถึง 5 คน ได้แก่ ศศลักษณ์ ไหประโคน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), เอร์เนสโต ภุมภา (สมุทรปราการ ซิตี้), สถาพร แดงสี (หนองบัว พิชญ), จตุรพัช สัทธรรม (การท่าเรือ เอฟซี) และฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ (ชลบุรี เอฟซี)

ว่ากันเนื้อผ้า คนที่ได้รับการคาดหมายว่า จะได้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย-วิงซ้ายแทน ‘โก๋อุ้ม’ คือ ‘เจ้าพี’ ศศลักษณ์ นั่นเพราะมีประสบการณ์ในทีมชาติ และการแข่งขันระดับเอเชียมากกว่าคนอื่นๆ

ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ ‘โก๋อุ้ม’ ไม่สามารถรับใช้ชาติได้ ‘ศศลักษณ์’ คือ คนที่ได้รับมอบหมายให้ประจำการอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด 

ขณะที่อีก 4 คนที่เหลือ อย่างเอร์เนสโต และ สถาพร แม้สองรายนี้จะอายุมากกว่า แต่เพิ่งจะติดทีมชาติครั้งแรกทั้งคู่ และแทบไม่มีประสบการณ์ในเกมระดับเอเชียเลย

ส่วน 2 ดาวรุ่ง ไล่เรียงตั้งแต่ จตุรพัช อดีตทีมชาติไทยยู 19 และยู 23 หมอนี้ ‘นิชิโนะ’ น่าจะเรียกเข้ามาซึมซับประสบการณ์มากกว่า เพราะในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเป็นตัวสำรอง  เอร์เนสโต ที่สมุทรปราการ ซิตี้ด้วยซ้ำ แม้จะถูกดึงกลับมาการท่าเรือ เอฟซีในท้ายฤดูกาล แต่ได้เล่นไปเพียง 9 นัด ตัวจริงบ้าง สำรองบ้าง 

ในรายของ ฉัตรมงคล แม้ฤดูกาลที่ผ่านมาจะสร้างความหัศจรรย์ให้กับชลบุรี แต่กระดูกของเขายังต้องเสริมสร้างกันต่อไปอีกระยะ การถูกเรียกมาจึงเป็นเหตุผลคล้ายๆ กับ จตุรพัช

แน่นอนว่า หลายคนอาจมีคำถามว่า ศศลักษณ์ ยังเทียบกับ ธีราทร ไม่ได้ ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าชั่วโมงนี้ยังเป็นเช่นนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า ชั่วโมงนี้ ศศลักษณ์ ก็ดีกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในตำแหน่งเดียวกัน

และนี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ ‘เจ้าพี’ ต้องเผชิญเรื่องคำถามนี้ เพราะหากย้อนกลับไปตอนที่บุรีรัมย์ต้องเสีย ‘โก๋อุ้ม’ ไปให้เมืองทอง ยูไนเต็ด ทุกคนมันคือความเสียหายใหญ่หลวง และยากที่จะหาใครมาเป็นตัวตายตัวแทน แต่แล้วปราสาทสายฟ้าก็มีเด็กคนหนึ่งที่ชื่อ ‘ศศลักษณ์’ ซึ่งสร้างผลงานไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ประการใดเลย 

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลที่ผ่านมา ศศลักษณ์ ลงเล่นให้กับบุรีรัมย์เกือบแทบจะทุกนัด ‘เจ้าพี’ คือ นักเตะคนหนึ่งที่มีความสำคัญที่สุดในแผงรับของปราสาทสายฟ้า ชนิดว่าวันไหนขาดหาย จะเห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัดเจน

ส่วนเรื่องวินัย แทบไม่มีข้อกังขาใดๆ สำหรับเด็กคนนี้ เพราะได้ชื่อว่า เป็นนักเตะดาวรุ่งที่ทุ่มเท มุ่งมั่นที่สุดคนหนึ่งเช่นเดียวกันในบุรีรัมย์ พยายามยกระดับตัวเองขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา

เหนือสิ่งอื่นใด การพก ‘เจ้าพี’ เอาไว้ในทีมชาติ มันยังสร้างคุณประโยชน์ให้กับทีมได้เยอะ เพราะเขาคือ นักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่ง ตั้งแต่แบ็ก วิง และปีก ที่สำคัญ เล่นได้ทั้งซ้ายและขวา

อย่างที่บอก วันหนึ่งทีมชาติก็ต้องไม่มี ‘โก๋อุ้ม’ อย่างไรเราก็ต้องเข้าสู่ยุค ‘ผลัดใบ’ อยู่ดี.

______________
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : BURIRAM UNITED

แสดงความเห็น