รมว.ยุติธรรม ต้อนรับนายกฯ เปิดอาคารใหม่-ครบรอบสถาปนา 130 ปี รายงานผลการคืบหน้า”พาลีปราบยา” “บิ๊กตู่”หวังทำให้ประชาชนรู้กฎหมาย ลดการทำผิด ยอมรับกระบวนการ “สมศักดิ์” เน้นทำงานเชิงรุกทำให้ทุกคนเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม
ที่กระทรวงยุติธรรม มีการจัดงาน ครบรอบวันสถาปนากระทรวงยุติธรรม 130 ปี โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วย รมว. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่างๆในกระทรวง ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงยุติธรรมร่วมงาน โดยในช่วงเช้ามีการทำบุญ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นเป็นการมอบเข็มเครื่องหมายยุติธรรมธำรง ประจำปี 2564 ให้กับบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น เข็มเครื่องหมายยุติธรรมธำรง รางวัลผลงานวิจัยดีเด่นของกระทรวงยุติธรรม และการมอบประกาศนียบัตรและเหรียญอาสาสมัครยุติธรรม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่สถาปนากระทรวงยุติธรรมขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านนโยบายต่างๆเพื่อมุ่งสร้างความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เน้นการเชื่อมโยงจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค นับเป็นการวางรากฐานที่มั่นคง ในโอกาสครบรอบ 130 ปี ตนในฐานะ รมว.ยุติธรรม ซึ่งเป็นผู้นำขององค์กร หวังที่จะมุ่งเน้นสร้างงานเชิงรุก ช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียมและรวดเร็วโดยไม่ต้องร้องขอ มุ่งเน้นการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด สร้างงานสร้างอาชีพและให้โอกาสคนที่เคยก้าวพลาด ไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้สังคม ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสานต่องานที่ผ่านมา เพื่อสร้างความสุขและเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งงานที่ผ่านมาจะสำเร็จไม่ได้หากขาดข้าราชการและภาคีเครือข่ายต่างๆ ตนจึงขอโอกาสนี้ขอบคุณทุกท่านที่ทำงานอย่างแข็งขันมาตลอด ตนหวังว่าจากนี้ต่อไปกระทรวงยุติธรรมจะทำงานเชิงรุกและแสดงพลังของชาวยุติธรรมให้ประชาชนเห็นว่าเราพร้อมที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ทุกคนเข้าถึงความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกพื้นที่ทุกระดับ ภายใต้นโยบาย ยุติธรรมสร้างสุข ยุติธรรมเชิงรุก สร้างสุขให้ประชาชน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม เดินทางมาร่วมประชุมรับฟังผลงานสำคัญ และเป็นประธานเปิดอาคารใหม่ของกระทรวงยุติธรรม โดยมี ตัวแทนเกษตกรไก่ชน 300 คน มาแสดงความขอบคุณหลังจากที่รัฐบาลเตรียมปลดล็อกสนามชนไก่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ทุกอย่างต้องเป็นตามขั้นตอน รัฐบาลจะปลดล็อกให้ไปต่อได้ แต่ต้องมีการกำกับดูแลที่ชัดเจน และขอให้ทุกท่านทำตามกฎอย่างเคร่งครัด วันนี้ที่สำคัญที่สุดคือตัวเราในการช่วยกันป้องกัน และขอให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ได้เข้าห้องประชุม เพื่อรับฟังการรายงานผลงานของกระทรวงยุติธรรม โดยได้มีการนำเสนอผลงานของ คณะทำงานชุดพิเศษ “พาลีปราบยา” ซึ่งมีตัวแทน 6 ชุดจากทั้งหมด 16 ชุดในการนำเสนอผลงาน โดยรายงานถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนของเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ แต่ยังมีอุปสรรคเรื่องข้อกฎหมายและงบประมาณ นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการปฏิบัติการตรวจสอบทุจริตฮั้วประมูลโครงการรัฐ
โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า ตนหวังว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยจะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศและประชาชนทุกคน อุปสรรคขณะนี้คือ เราจะทำอย่างไรให้ประชาชนเคารพกฎหมาย รวมทั้งต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้กฎหมาย ต้องประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ ให้เรียนรู้กฎหมายในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และการประชาสัมพันธ์กฎหมาย ต้องทำให้เข้าใจง่ายๆ และในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล การประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลก็สำคัญเพราะผู้คนเข้าถึงง่าย อาจจะต้องประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส่วนคดีต่างๆที่มีเยอะมาก เราต้องทำให้เกิดการไกล่เกลี่ย จะได้ลดคดีความ ซึ่งตนเห็นว่ากระทรวงก็กำลังทำอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนต้องรู้กฎหมาย เราต้องสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น รัฐบาลไม่ได้อยากลงโทษหรือจับกุมประชาชน แต่อยากให้คนไม่ทำผิดกฎหมาย อีกเรื่องคือปัญหายาเสพติด ต้องปราบปรามและป้องกันควบคู่กันไป โทษต่างๆต้องทำให้สมดุล
“ผมเชื่อมั่นในการทำงานของ รัฐมนตรี ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงยุติธรรมทุกคน และอยากให้ทุกคนทำงานให้ดี สร้างกระบวนรับรู้ทางกฎหมายของประชาชน ให้ทุกคนเข้าถึงได้และอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เมื่อคนรู้กฎหมายการกระทำผิดจะน้อยลง ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องประสานกับกระทรวงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทำงานอย่างบูรณาการร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้น นายกฯและคณะได้เดินชม บูธนิทรรศการแสดงผลงานจากกรมและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และได้ ปลูกต้นสนฉัตร ที่บริเวณหน้าอาคารกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่
ขณะเดียวกัน กลุ่มชาวบ้าน จ.บุรีรัมย์ ได้เข้ามอบกระเช้าขอบคุณ นายสมศักดิ์ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังจากที่ดีเอสไอให้ความช่วยเหลือประชาชน 222 คนที่เสียหายจากการซื้อปุ๋ย หลังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีคำสั่งท้วงติงโครงการจัดซื้อปุ๋ยของผู้ว่าราชการจังหวัดปุรีรัมย์และบริษัทขายปุ๋ย ซึ่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2558 มีทั้งหมด 88 คดี มูลค่าความเสียหาย 42 ล้านบาท ซึ่งศาลชั้นต้น ตัดสินว่าประชาชนไม่ต้องชดใช้หนี้ ส่วนศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น และเพิ่มเติมว่าเป็นปุ๋ยปลอม