รมว.ยธ. ห่วงสถานการณ์โควิด สั่งปิดเรือนจำ 11 แห่ง คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า

รมว.ยุติธรรม ห่วงสถานการณ์โควิด สั่งปิดเรือนจำเบื้องต้น 11 แห่ง พร้อมกำชับเขต7 ทำตามมาตรการเข้มข้น คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า ใช้เทคโนโลยีทดแทน สร้างความเข้าใจให้ข้อมูลที่ถูกต้อง “ธนกฤต” ลั่นคุกต้องปลอดโควิดที่ไหนวิกฤตต้องล็อกดาวน์ทันที   

ที่เรือนจำกลางนครปฐม ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำเขต 7 นำโดย นายนักรบ นาคพรหม ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม ประธานเขต 7 รวมถึง ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเขาบิน ผบ.เรือนจำกลางราชบุรี ผบ.เรือนจำกลางสมุทรสงคราม ผบ.เรือนจำกลางสมุทรสาคร ผบ.เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ผบ.เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ผบ.เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ผอ.สถานกักกันนครปฐม ผบ.เรือนจำพิเศษธนบุรี และผบ.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร 

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าวและเป็นห่วง จึงได้กำชับถึงมาตรการป้องกันโรค ตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด โดย นายสมศักดิ์ เห็นควรให้ใช้มาตรการดังกล่าวกับเรือนจำเขต 7 ทั้งหมด จึงขอให้เรือนจำเขต 7 ดำเนินการ ตามมาตรการสำคัญ ๆ ดังนี้  

1. แยกกักกันโรค ผู้ต้องขังรับใหม่ รับย้าย กลับจากรพ.ภายนอก อย่างน้อย 14 วัน และต้องปฏิบัติตามกระบวนการแยกกักกันโรคที่ถูกต้องอย่างเข้มงวด 2. งดการเยี่ยมญาติช่องทางปกติและให้มีการเยี่ยมญาติ ทางไลน์ทดแทน 3. “มาตรการคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า” ด้วยการงดนำผู้ต้องขังออก ทำงานภายนอกเรือนจำทุกกรณี และงดการนำบุคคลภายนอกเข้าเรือนจำ ยกเว้นมีความจำเป็น เช่น เจ็บป่วย 4. สร้างความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ต้องขังและญาติ ตลอดจนจัดให้มีกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดในเรือนจำช่วงระหว่างการงดเยี่ยมญาติ 5. กำชับเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังและญาติ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและ ควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การเว้นระยะห่างทางสังคมสังคม และ 6.งดการจัดกิจกรรมที่ต้องนำผู้ต้องขังมารวมกันมากๆ และจัดหาหน้ากากอนามัยให้ผู้ต้องขังทุกคนอย่างน้อยคนละ 2 ชิ้น   

“ขอให้ผู้บัญชาการทุกท่านรับทราบมาตรการ และจัดการให้ดี พยายามประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ทั่วถึง ทั้งตัวผู้ต้องขังและญาติ และการนำตัวผู้ต้องขังไปยังศาลจะสามารถใช้วิธีวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ได้หรือไม่  และหากเรือนจำไหนมองแล้วว่าจะเกิดการลุกลามให้พิจารณาล็อกดาวน์ตัวเอง สิ่งที่เราห่วงคือเรื่องของคนในเรือนจำ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ พยายามเช็คอย่างละเอียดและไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยง ในเรือนจำต้องไม่มีโควิด” ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าว

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้วีดีโอเข้าสู่ที่ประชุม โดยระบุว่า หากพบเชื้อที่ไหนให้กำหนดจุดบริเวณนั้น และวัดระยะห่างตีกรอบพื้นที่ และให้ทุกคนพิจารณาร่วมกัน เพราะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง หากจุดไหนเป็นจุดสุ่มเสี่ยงก็ต้องปิด โดยขณะนี้ได้ตีกรอบงดเยี่ยมญาติแล้วเบื้องต้น 11 เรือนจำ คือ 1. เรือนจำกลางนครปฐม 2. เรือนจำกลางเขาบิน 3. เรือนจำกลางราชบุรี 4. เรือนจำกลางสมุทรสงคราม 5. เรือนจำกลางสมุทรสาคร 6.เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี 7.เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร 8.เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ 9. สถานกักกันนครปฐม10. เรือนจำพิเศษธนบุรี และ11. ทัณฑสถานหญิงธนบุรี 

“เมื่อปิดการเยี่ยมญาติก็ให้ผู้บัญชาการทุกท่าน ใช้การสื่อสารทางไกล ผ่านแอปพลิเคชันไลน์สื่อสารกันแทนและเพิ่มรอบการเยี่ยม วางแผนให้ดี รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอื่นๆตามสิทธิที่ผู้ต้องขังทุกคนควรจะได้ เช่น การพบศาลผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ การฝากเงินผ่านออนไลน์ และทำความเข้าใจกับผู้ต้องขังทุกคน ไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเรากีดกันสิทธิเสรีภาพจนเกิดความวุ่นวาย และขอให้ผู้บริหารทุกท่านนำมาตรการไปปฏิบัติตามสถานการณ์ หากมีปัญหาติดขัดตรงไหนให้รีบแจ้งมาทันที” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น