“สมศักดิ์” เปิดแผน “ปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดปี64” เดินหน้าตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้านบาท เล็งหาทางยึดบิทคอยน์หลังพบการซื้อขายทางออนไลน์มากขึ้น แนะ ป.ป.ส.หาเครื่องมือใหม่ๆให้ทันเทคโนโลยีที่พัฒนา ยันรัฐบาลให้ความสำคัญ ต้องสาวให้ถึงต้นตอ
ที่อาคารอเนกประสงค์ สปท. สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิด “แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564” โดยมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองผู้บัญชาทหารสูงสุด พล.อ.อ.ธนินทร์ ปุณศรี รองปลัดกระทรวงกลาโหม นายวีรัส ประเศรษโฐ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายคริสโตเฟอร์ ดี. นีลเซน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคตะวันออกไกล สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA) และหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางและภูมิภาค ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และผู้แทนภาคประชาชน เข้าร่วมงาน
โดยก่อนเข้างาน นายสมศักดิ์ได้เดินชม ทรัพย์สินที่ยึดได้จากปฏิบัติการสยบไพรี 64/1 เปิดสงครามนักค้า ล่ายึดทรัพย์ ที่นำมาแสดงบริเวณด้านหน้า โดยมีทรัพย์สิน 11 รายการมูลค่าประมาณ 44 ล้านบาท อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 39 คัน อุปกรณ์ตกแต่งมอเตอร์ไซค์ กล้องถ่ายภาพ และบัญชีเงินฝาก
จากนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า ตนในนามของ ผอ.ศูนย์อำนวยการ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ จุดเน้นของแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 เน้นเรื่องการสืบสวนขยายผลทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดทุกระดับ ตัดวงจรทางการเงิน ยึดทรัพย์สิน กลุ่มการค้ายาเสพติดมิให้นำเงินมาเป็นทุนในการค้ายาเสพติดหรือขยายธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ โดยเน้นบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามหลักนิติธรรม ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายในการดำเนินงานไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2563 ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ ที่ผ่านมาการซื้อขายยาเสพติดหลักมาทางสามเหลี่ยมทองคำ และยังพบการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและเป็นความท้าทายที่สำคัญของหน่วยงานรัฐ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องปัญหายาเสพติด และมีการกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติไว้ด้วย
“การแก้ไขปัญหายาเสพติดนี้ เราต้องไปให้ถึงต้นตอ เพื่อลดปัญหายาเสพติดในสังคม เพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน และขยายการยึดทรัพย์จากปีที่แล้ว สำหรับในปี 2564 ผมได้กำหนดเป้าหมายการขยายผลและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด 10 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดดังนี้ ขอให้ ป.ป.ส.พัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการช่วยกันแก้ปัญหา เช่น สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) อย่างการจับกุมสารเคมีที่โกดังบางปะกง เราต้องเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆที่เราไม่เคยเจอ รวมถึงการซื้อขายผ่านทางบิทคอยน์ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ในเทคโนโลยีใหม่ๆที่พัฒนาอยู่ตลอดให้เท่าทัน รวมถึงการทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ เพื่อให้แต่ละจังหวัดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ส่วนกลางทำงานอย่างเดียว โดยให้ ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานกลางในการประสาน” นายสมศักดิ์กล่าว
รมว.ยุติธรรมกล่าวอีกว่า ส่วนฝ่ายปราบปรามขอให้เน้นการทำลายเครือข่าย ตัดวงจรทางการเงิน ไม่ให้นำเงินมาขยายเครือข่าย โดยบูรณาการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน และกำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน ในเรื่องของการยึดทรัพย์เราจะใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องใน พ.ร.บ.มาตรการ 2534 หรือ พ.ร.บ.ป.ป.ง. ในส่วนที่ 2 ดูว่าท่านสามารรถทำความเข้าใจกับ พ.ร.บ.มาตรการได้มากน้อยขนาดไหน เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาเรายังไม่ค่อยได้ใช้เต็มกำลัง และหน่วยปราบปรามต้องสามารถประสานงาน ร่วมกับ ป.ป.ง. นี่คือรูปแบบของการยึดทรัพย์ เพราะหากเราไม่ทำงานบูรณาการ เราจะไม่สามารถเดินหน้ายึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดได้ ซึ่งต้องมีการสัมมนาทำความเข้าใจ พูดคุยกัน ให้ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพในการประสานงาน ที่ผ่านมาเราจับยาเสพติดได้ง่าย แต่เราต้องจ่ายค่านำจับมากกว่ามูลค่าต้นทุนยา เราจึงต้องค่อยๆลดให้เท่ากับต้นทุน จะลดมากกว่านี้ยังไม่ได้ เพราะคนจะหาว่าเราลดรางวัลนำจับ ซึ่งตอนนี้เรามี ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่อยู่ในการพิจารราของรัฐสภา ซึ่งหากผ่าน การยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่าย ผู้นำจับจะได้รางวัลมากกว่าการจับเม็ดยา และ ป.ป.ส. ควรมีเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ในการจัดการกับเครือข่ายค้ายาด้วย
ด้าน นายวิชัย กล่าวว่า การเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 ในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานบูรณาการ และหน่วยงานในระดับพื้นที่ มีความเข้าใจแนวทางของแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 ตามนโยบายขยายผลยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรยาเสพติด และสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยาเสพติด ตามกรอบแนวทางของแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 มีกรอบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ต้องประสานการดำเนินงานใน 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย มาตรการการป้องกันยาเสพติด มาตรการการบำบัดรักษายาเสพติด และมาตรการการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ
นายวิชัย กล่าวอีกว่า โดยอีกปัจจัยที่สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด คือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพราะหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังได้ เพื่อให้ลูกหลานและสังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวที่เป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดในการสร้างภูมิคุ้มกันให้บุตรหลาน เยาวชน ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือภาคชุมชนที่เป็นพื้นที่ปัญหา ที่ต้องลุกขึ้นมาจัดการร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ของสังคม และการร่วมเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ ด้วยการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งหลายครั้ง ที่ผ่านมาได้มีการนำไปสู่การจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญหลายราย