รมว.ยธ. มอบรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ยันรบ.ให้ความสำคัญด้านสิทธิฯ

รมว.ยุติธรรม มอบรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญด้านสิทธิ จัดตั้งคกก.ดูแลพร้อมทำแผนสำคัญ 2 ฉบับ “สมศักดิ์”หวังกระตุ้นความรู้-ความเข้าใจให้ทุกองค์กรเป็นต้นแบบนำไปใช้บริหารจัดการภายใน

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดงานประกาศรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2563 โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม และนายสามารถ เจนชัยจิตรวานิช ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม รวมทั้งตัวแทนจากองค์การสหประชาชาติ ภาครัฐ ภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจร่วมงาน โดยก่อนเข้าสู่พิธีการมอบรางวัล นายสมศักดิ์ ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการองค์กรต้นแบบจากหน่วยงานต่างๆที่นำมาแสดงบริเวณหน้างาน

จากนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า ขอขอบคุณผู้แทนองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ  ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม  ที่ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน แสดงให้เห็นว่าทุกท่าน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานด้วยความเคารพสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนในภาพรวมของประเทศ โดยระดับนโยบายรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนงานสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย โดยมีนายวิษณุ  เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย แผนงานและมาตรการต่างๆ ในการขับเคลื่อนงานสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีการนำงานสิทธิมนุษยชนไปสู่การปฏิบัติ รวมถึงกำกับ ติดตาม ตลอดจนให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยและในระดับปฏิบัติ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้มีการจัดทำแผนที่สำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ 1.แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562 – 2565) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐยึดถือเป็นกรอบในการทำงาน โดยให้ความคุ้มครองประเด็นสิทธิมนุษยชนใน 10 ด้าน 12 กลุ่มเป้าหมาย อาทิ กระบวนการยุติธรรม การศึกษา สาธารณสุข กลุ่มเด็ก สตรีและผู้พิการ 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า 2.แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ.2562 – 2565) มุ่งนำหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนหรือ หลักการ UNGPs มาเป็นแนวทางส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ ดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชน โดยกำหนดประเด็นสำคัญเพื่อเร่งแก้ไข 4 ประเด็น ได้แก่ 1.แรงงาน 2.ชุมชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม 3.นักปกป้องสิทธิมนุษยชน 4.การลงทุนระหว่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ  

ทั้งนี้รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนระดับชาติทั้ง 2 ฉบับ จะเป็นหลักประกัน และเครื่องมือสำคัญในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้กับทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจและภาคประชาสังคมต่อไป และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้องค์กรทุกภาคส่วน มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นถึงความสำคัญของการนำหลักการสิทธิมนุษยชน และแผนทั้ง 2 ฉบับ มาเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการและปฏิบัติงานในทุกระดับ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จึงได้จัดทำโครงการองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนขึ้น เปิดรับสมัครองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจ และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเข้าร่วมโครงการ กำหนดให้ใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินของภาครัฐ และหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน เป็นเกณฑ์พิจารณาตัดสินของรัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจ และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จนได้องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนในวันนี้ 

ต่อมานายสมศักดิ์ เป็นผู้มอบรางวัลแก่องค์กรผู้ที่ได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี 2563 ประเภทดีเด่น โดยรางวัลองค์กรภาครัฐแบ่งเป็น 1. ราชการส่วนกลาง ได้แก่ กรมควบคุมโรค , กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมการจัดหางาน 2.ราชการส่วนภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานคุมประพฤติ สาขานาทวี จ.สงขลา  3.องค์กรรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รางวัลองค์กรธุรกิจแบ่งเป็น 1.ธุรกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด , บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) , บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) , บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) และบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) 2.ธุรกิจขนาดเล็ก ได้แก่ บริษัท โซป เอ็น เซนท์ จำกัด และรางวัลในส่วนขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ได้แก่ มูลนิธิวัฒนเสรี

แสดงความเห็น