นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะทำงาน และ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านยาเสพติด โดยมี นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ปปส.ให้ข้อมูล
โดยนายสมศักดิ์ ได้รับฟังแนวทางการดำเนินงานของ ปปส. ในเรื่องของชนิดยาเสพติดต่างๆ รวมถึงแหล่งผลิต ช่องทางการขนเพื่อนำมาขายในประเทศ รวมถึงโครงการต่างๆ ในการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด นอกจากนี้ยังได้ติดตามภารกิจการการจับยาเสพติด ผ่านวีดีโอแบบถ่ายทอดสดการจับกุมเครือข่ายส่งยาเสพติดด้วยบริษัทขนส่งเอกชน ได้ส่งต่อไปยังอีก 7 จังหวัด ซึ่งตำรวจกับเจ้าหน้าที่ ปปส.รอจับกุมทันทีเมื่อรับพัสดุ
นายสมศักดิ์ ยังได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารปปส. พร้อมระบุ ว่า เราต้องศึกษาจากนานาประเทศว่าทำไมประชาชนเขาถึงไม่ติดยาเสพติด หรือเขามีบทลงโทษอย่างไร แม้เราอาจทำไม่ได้เช่นเขา แต่ก็ควรจะศึกษาแล้วนำมาปรับใช้ ต้องยอมรับว่าประทศเรามีทั้งผู้เสพ และ ผู้ค้าเพิ่มมากขึ้น ต้องไขปัญหาเหล่าให้ดีขึ้นทำสังคมให้น่าอยู่ เยาวชน รุ่นใหม่ต้องห่างยาเสพติด
นายสมศักดิ์ ยังระบุอีกว่า วันนี้คงยังไม่ได้ให้นโยบายอะไร เพราะขณะนี้ยังไม่ได้แถลงนโยบายกับรัฐสภาเพียงแต่มารับฟังข้อมูลความคิดเห็น และแลกเปลี่ยน แต่สิ่งที่ได้เห็น ทรัพยากรของ ปปส.ทุกคนนั้นทำงานหนัก แม้มีข้าราชการเพียงพันกว่าคน แต่ต้องดูแลทุกพื้นที่ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยในเรื่องยาเสพติด แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่านักโทษที่อยู่ในกรมราชทัณฑ์ ส่วนมากมาจากเรื่องยาเสพติด จึงคิดว่าต้องบูรณาการร่วมกันกับหลายๆหน่วยงานในกระทรวง รวมทั้งหน่วยกระทรวง และหน่วยงานต่างๆด้วย เวลานี้เราก็ยังเห็นจุดเด่น ประเทศไทยมี 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน และปลอดยาเสพติดถึง 50,000 หมู่บ้าน แต่จุดที่สุ่มเสี่ยงและต้องพึงระวังมีอยู่ 24,000 หมู่บ้าน แต่มีเพียงกว่า 2000 หมู่บ้านที่มีความเสี่ยง จากนี้คงต้องเคลียร์ไปทีละพื้นที่ เชื่อว่าวันข้างหน้าจะสามารถทำได้ เวลานี้ ปปส. ยังให้ความสนใจและทำได้ดี ในเรื่องของการจับยาเสพติดจากการส่งผ่านไปรษณีย์ต่างๆ ซึ่งถ้าหากเราร่วมมือร่วมใจจากนี้ตนเชื่อว่าจะสามารถปราบปรามยาเสพติดได้ดีขึ้น
ส่วนกรณีการปลูก กัญชา เวลานี้การขออนุญาตปลูกอย่างถูกต้องมีเพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้น ซึ่งเป็นสถานศึกษาและหน่วยงานของราชการ ตอนนี้ยังไม่สามารถปลูกได้อย่างเสรี อยากฝากเตือนประชาชน เพราะ ตนกังวลว่าจะเกิดความเข้าใจผิดและถูกจับกุม จึงต้องระมัดระวัง ซึ่งกัญชาเป็น นโยบายของรัฐบาลจริง แต่เวลานี้กัญชาใช้ได้เพียงการรักษาผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนไว้ และจากนี้ต้องติดตามการขับเคลื่อนจากกระทรวงสาธารณสุข