ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด มีนายนิพันธ์ ศิรินธร ประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม โดยได้เชิญ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อรับมอบเอกสารข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหายาเสพติด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พัฒนาการของยาเสพติดในปัจจุบัน ผลิตได้ไวมาก มีต้นทุนถูกลง ทำให้การปราบปรามยาเสพติดเป็นงานที่หนัก ที่ผ่านมาตนได้ลดรางวัลนำจับยาเสพติด ที่แต่เดิมยาบ้าจะได้เม็ดละ 2 บาทเป็น 50 สตางค์ ยาไอซ์ได้กรัมละ 200 บาทเป็น 50 บาท เพราะปัจจุบันต้นทุนของยาบ้า 1 เม็ดราคาเพียง 55 สตางค์เท่านั้น เราจึงปรับมาเป็นการเพิ่มรางวัลนำจับที่สามารถสาวไปถึงการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยที่ผ่านมาทาง ป.ป.ง.ช่วยให้ข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆ ถือเป็นการทำงานแนวใหม่ ใช้ประโยชน์จากทางธุรกรรมทางการเงินมากขึ้นในการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งตนคิดว่าเรามาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันผู้ต้องขังในเรือนจำกว่า 80% นั้นเป็นคดียาเสพติด ดังนั้นเงินที่เราใช้ในการปราบปราม มีเท่าไรก็ไม่พอ ปราบปรามได้ไม่หมด เพราะสาเหตุที่ตนได้เคยบอกไปแล้วว่า เทคโนโลยีเครื่องผลิตในปัจจุบันนั้นเป็นเครื่องระบบไฮดรอริก ผลิตได้วันละประมาณ 6-7 ล้านเม็ด และใช้สารเคมีที่มีราคาถูกกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้ผลิตได้ง่ายมากๆ ดังนั้นเราจึงต้องตั้งเป้าไปที่การยึดทรัพย์ แต่ในส่วนของการปราบปรามยาเสพติดเราจะไม่ลดละ แต่เราจะทำควบคู่ไปกับการตรวจสอบด้านธุรกรรมการเงินของผู้ค้า ซึ่งต้องเร่งดำเนินการ แต่ในขณะนี้เครื่องมือเรายังมีน้อยมาก ต้องอาศัยความขยันจากทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากนี้เราคงจะต้องเร่งหาเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“เราตั้งเป้ายึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดภายในปีนี้ให้ได้ 1,500 ล้านบาทซึ่งขณะนี้เราทำได้ถึง 1 พันล้านบาทเศษ เชื่อว่าเวลาที่เราเหลืออยู่จะได้ตามเป้าที่เราวางไว้ ตนมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว และการที่เราตั้งเป้าจะให้ได้มากกว่าเดิม 10 เท่าคือประมาณ 6-7 พันล้านบาท ตนเชื่อว่าเราทำได้อย่างแน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่การขายฝัน ที่ผ่านมาการจับยาเสพติดส่วนใหญ่เราจบที่คนขายและยึดของกลางแต่ไม่เคยสาวไปถึงตัวการใหญ่ แต่จากนี้ต่อไป เราจะทลายเครือข่ายทั้งหมด เชื่อว่าอีกไม่นานปัญหายาเสพติดจะเบาบางลงและจะค่อยๆหมดไป” นายสมศักดิ์ กล่าว