รมว.ยุติธรรม แถลงความคืบหน้าคดีฆาตกรรม”โทโมโกะ” ดีเอสไอเตรียมประสานตร.สากล-ญี่ปุ่นขอความร่วมมือช่วยสืบต่อ “สมศักดิ์” ลั่น ขอกู้ศักดิ์ศรีให้ชาวสุโขทัย
ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวกรณีความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ โทโมโกะ คาวาชิตะ ที่ถูกฆาตกรรม ที่วัดสะพานหิน พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ จ.สุโขทัย ว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญที่เกิดตั้งแต่ปี 2550 จนถึงขณะนี้เป็นเวลาถึง 13 ปีเศษแล้ว ที่ผ่านมาดีเอสไอพยายามสืบสวนสอบสวน และได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน การตรวจดีเอ็นเอที่ติดอยู่ที่ขอบกางเกงด้านหลังขวา เป็นดีเอ็นเอผู้ชาย และในที่เกิดเหตุพบขวดน้ำ ซึ่งผลิตขึ้นในท้องถิ่น เราได้เรียกสอบชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในระแวกนั้นกว่า 202 ราย การดำเนินการในช่วงนี้เป็นของตำรวจ และเมื่อถึงวันที่ 24 ก.ค. 2552 ตำรวจได้งดการสอบสวนเนื่องจากไม่พบผู้กระทำผิด จากนั้นปี 2556 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร้องขอดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษเพราะส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวประเทศไทยและจ.สุโขทัย น้อยลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นตอนนั้นหายไปหมด นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้น ดีเอสไอจึงรับเป็นคดีพิเศษ และได้สืบสวนสอบสวน เพิ่มการตรวจดีเอ็นเออีก 161 ราย มีผู้ที่ถูกกล่าวหา เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งได้ขอตรวจดีเอ็นเอจากทายาท ก็ยังไม่พบเบาะแส ดีเอสไอได้งดการสอบสวนชั่วคราวตั้งแต่ 2559
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงปี 2560 มีผู้แจ้งเบาะแสให้ดีเอสไอเพิ่มเติม และได้เก็บดีเอ็นเอเพิ่มขึ้นอีก 2 รายก็ยังไม่พบว่าตรงกัน และในช่วงปี 2562 ที่ตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ตนอยู่ในท้องที่ได้คุยกับตำรวจ ได้รับทราบข้อมูลที่น่าสงสัย มีฟาร์มหมูห่างจากที่เกิดเหตุ มีผู้บอกเล่าผู้ต้องสงสัย ดีเอสไอได้เก็บดีเอ็นเอของญาติของนายลำพูน ยายอด ซึ่งนายลำพูนได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงต้องเก็บญาติซึ่งเราต้องเดินทางไปถึงไต้หวัน รวมทั้งหมดถึงเดือน ธ.ค. 2562 เราเก็บได้อีก 14 ราย รวมทั้งหมดตั้งแต่ปี 2550 เก็บดีเอ็นเอทั้งหมด 379 ราย พบว่าไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่ขอบกางเกง เราจึงต้องเปลี่ยนแนวการสืบสวนใหม่ เพราะเราเก็บดีเอ็นเอจนหมดแล้ว เราจึงต้องนำดีเอ็นเอที่ขอบกางเกงดังกล่าวนั้น นำมาปรึกษานักพันธุศาสตร์
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์ ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า เราได้มีการตรวจวิธีที่ใหม่ขึ้น ทำให้เราสามารถสกัดวายโครโมโซม ซึ่งเป็นของเพศชาย สามารถเทียบเคียงกับผู้ต้องสงสัย และสามารถนำไปพิสูจน์ทราบทางวิชาการใช้ฐานข้อมูลประชากรโลกที่นักพันธุศาสตร์ใช้เป็นฐานข้อมูลดีเอ็นเอของทั้งโลก ซึ่งเราได้สกัดวายโครโมโซม 16 จุด แล้วนำไปใส่ในฐานข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นดีเอ็นเอของกลุ่มชาติพันธุ์ของกลุ่มไหน ซึ่งที่ได้มาคือ เอเชียตะวันออก ซึ่งจะมีฐานกลุ่มเฉพาะอีก ได้มา 7 กลุ่มประเทศ แต่ไม่พบว่ามีกลุ่มประเทศไทย คือ เอสโตรเอเซียติก เอสโตรเนียน ดาวิเดียน อินโดแปซิฟิก เจแปนนิส โคเรียน และไทเคได ซึ่งจากการหารือกับนักพันธุกรรมศาสตร์หลายสาขา เห็นพ้องต้องกันกับฐานข้อมูลนี้ วิเคราะห์แล้วมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นชาวต่างประเทศ
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีการดำเนินการอย่างละเอียดมาก ท่านรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้ดำเนินการเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งในส่วนของดีเอ็นเอที่ระบุว่าไม่ได้เป็นเชื้อชาติไทย เราคงต้องประสานกับต่างประเทศ เช่นตำรวจสากล ส่วนเรื่องหลายสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องเราอาจจะประสานไปยังญี่ปุ่น และมอบข้อมูลให้หน่วยงานอื่นสานต่อ เพราะอาจจะมีฐานข้อมูลเก็บไว้ เราใช้การสืบสวนสอบสวนที่ใช้เวลานาน ในระแวกที่เกิดเหตุเราเอาดีเอ็นเอมาตรวจกันหมดแล้ว
โทโมยูกิ ฟูจิยามา ตัวแทนตำรวจญี่ปุ่น กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนสถานทูตญี่ปุ่น และตำรวจญี่ปุ่นต้องขอขอบคุณ รัฐมนตรี ดีเอสไอ และผู้เกี่ยวข้อง ที่ให้ความสำคัญกับการสอบสวนคดี การตรวจดีเอ็นเอในครั้งนี้ น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ แต่ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการสืบสวนต่อไป ในส่วนทางญี่ปุ่นมีความยินดีที่จะประสานกับไทยเพื่อให้สอบสวนคดีนี้ให้กระจ่าง คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอยังไม่ได้มีการตัดสินว่าเป็นคนชาติไหน ซึ่งทางญี่ปุ่นยินดีที่จะร่วมมือในการสืบสวนต่อไป
เมื่อถามว่าผู้ต้องสัยที่เข้าข่ายที่เดินทางในช่วงเวลาหลังเกิดเหตุที่เป็นชาวญี่ปุ่น พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า มีเดินทางกลับเพียง 1 รายเป็นชาวญี่ปุ่น แต่ต้องประสานกับทางญี่ปุ่นเพื่อพิจารณาอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ และที่ผ่านมาเจ้าตัวไม่ได้ให้ความร่วมมือ ซึ่งเรื่องนี้ผู้เสียชีวิตเป็นชาวญี่ปุ่น ทางประเทศญี่ปุ่นเขาเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้เพราะเป็นคนของเขา
เมื่อถามว่ายืนยันได้ไหมว่าเรื่องนี้ไม่มีคนไทยเกี่ยวข้อง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจดีเอ็นเอ 379 รายเราไม่พบว่าตรงกับดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ เราทำอย่างเต็มที่มา 13 ปี เราดำเนินการเปิดเผยข้อมูลมาตลอด จ.สุโขทัยเป็นบ้านเกิดตน ตนต้องการสร้างศักดิ์ศรีความเป็นคนไทย เป็นชาวสุโขทัย ไม่เคยทำร้ายนักท่องเที่ยว เราทำตรงไปตรงมา ทำให้ปรากฎชัด หากเป็นชาวต่างชาติก็เป็นชาวต่างชาติ เราต้องกู้ศักดิ์ศรีเรามา ซึ่งการสอบสวนในเมืองไทยสมบูรณ์ คนไทยรอดตัวแล้ว