สมศักดิ์ มั่นใจ คนใน พปชร.ไม่ทะเลาะกันรุนแรง แต่สื่อบางแขนงเอาไปขยายความจนกระทบการเมือง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐว่า หากจะถามว่า จบหรือไม่จบ พูดไปก็เหมือนโกหก แต่หากถามว่า มีอะไรรุนแรงหรือไม่ ต้องตอบว่า ไม่มี เพราะพรรคการเมืองจะหยุดทำงานไม่ได้ และจะหยุดเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้ พรรคการเมืองคือกลุ่มของผู้คนที่เข้ามาทำงานทางการรเมือง เพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบริหารจัดการงบประมาณ หรือการใช้กลไกการทำงานของภาครัฐให้ประเทศเดินหน้าแข็งขันกับประเทศอื่นได้ แต่หากถามผู้คนภายในพรรคทะเลาะกันหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่มี เพียงแต่อาจจะเป็นความคิดเห็นที่ออกไปแล้วมีสื่อใหญ่บางแขนงนำไปขยายความ หรือแสดงความเห็นว่า คนใดเหมาะหรือไม่เหมาะกับตำแหน่งใดแล้วนำไปแนะนำกับผู้บริหารสูงสุดทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งก็มีลักษณะของความชอบและความไม่ชอบส่วนตัวที่ปะปนไปด้วย ต้องบอกว่า สื่อกลุ่มใหญ่ๆก็สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่สื่อนั้นๆชื่นชอบได้
“เรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐไม่รุนแรงถึงขั้นพรรคแตกแน่นอน ผมยืนยัน และ เรื่องของคำว่าพรรคแตก มันก็เป็นความรู้สึกของสื่ออีกนั่นแหละ ที่มองว่า ถ้าเป็นอย่างนี้จะแตกนะ เพราะบางทีเขาอาจจะรัก เขาหวงบางส่วนที่เขารักของเขาอยู่ ทำให้เหมือนกับว่า มันรุนแรง แต่ถ้าหากว่าเป็นไปตามธรรมชาติ มันคงไม่ใช่ ดังนั้น บทบาทของสื่อมีผลกระทบกับการเมืองมากทางทางตรงและทางอ้อม ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ ถ้าสื่อที่ทำเป็นกลุ่มเป็นก้อนจะสามารถเบี่ยงเบนทั้งความจริงและไม่จริงได้ ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การที่กรรมการบริหารพรรรคลาออก 18 คน ไม่ใช่เพราะคนในพรรคไม่เอากรรมการบริหารพรรคชุดนี้ เพียงแต่ว่า กรรมการบริหารพรรคชุดนี้เปิดทางให้สมาชิกเลือกผู้บริหารใหม่ ถือเป็นความใจกว้าง ซึ่งอาจจะเลือกคนเดิมได้ เพราะคนเดิมก็กลับเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคได้ แต่ถ้ามองแบบไม่รักชุดเก่าเกินไป ก็จะรู้ว่า คือการเปิดใจกว้าง
“ผมมากลางๆ ชี้ให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนของพรรคการเมืองหลังจากการเลือกตั้งนั้น ไม่ควรจะเกิน 1 ปี ทุกพรรคก็ปฏิบัติมาเช่นนี้ เขาจะมีการพูดคุย สังคายนา ถ้าพอใจในกรรมการบริหารพรรคชุดเดิม เขาก็จะเลือกเข้ามาอีก เป็นครรลองของระบอบประชาธิปไตย แต่บางทีความรักของคนบางกลุ่มที่มีต่อกรรมการบริหารพรรคชุดต่างๆ เขาก็อาจจะเอามาพูดให้ดูรุนแรง แต่จริงๆคนในพรรคไม่มีรุนแรง และผมไม่ได้คิดจะเอาอะไรเลย แต่ผมต้องการให้พรรคเป็นที่ครองใจของประชาชน อาจจะทำไม่ได้ทั้งหมด เช่น ผู้คนในกลุ่มมหาเศรษฐี เราอาจจะทำไม่ได้ แต่เราจะทำอย่างไรให้คนชนบทยอมรับได้ เรามีกลไกคือในระดับของพรรค ผมมองแค่นั้นเอง ผมมองด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าจะออกมาในเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ผมว่า เราอย่าพูดเรื่องการเมืองดีกว่า พูดเรื่องอย่างอื่นดีกว่า” นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่พร้อมนั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ไปถามพลเอกประวิตรทุกวัน พลเอกประวิตรเป็นคนซื่อ ถามท่านไป ท่านก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ตนก็เข้าใจ ท่านไม่มีอะไรหรอก ท่านตรงไปตรงมา ส่วนที่หลายคนบอกว่า พลเอกประวิตร เอาอยู่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนในพรรคให้ความเคารพ และให้ความเชื่อถือในตัวพลเอกประวิตร ซึ่งเป็นทุนเดิมที่มีอยู่ในขณะนี้ ส่วนหนึ่งก็สนับสนุนพลเอกประวิตร แต่พลเอกประวิตรจะรับหรือไม่รับ ก็อย่างที่เห็นอยู่ บางคนก็เสียดายของเก่า แต่ตนบอกว่า ไม่ต้องเสียดายหรอก ไปช่วยกันดูเรื่องของสมาชิกพรรคที่จะลงคะแนนให้ดีกว่า คือถ้ายิ่งขยายความออกไป บางครั้งถ้าขยายไปในทางที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง ก็จะดูเหมือนว่าพรรคเรามีปัญหา ซึ่งเป็นเพราะกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจแล้วอยู่ตรงกลางและสื่อออกไปในลักษณะที่อยากให้เป็น ซึ่งตนคิดว่า อย่าพูดกันดีกว่า เรื่องการเมืองตอนนี้ ถ้าพูดไปแล้วเอาไปตีความผิดๆถูกๆจะเกิดความเสียหาย
เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ อยากเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิดอยากเปลี่ยนกระทรวง ตนเป็นนักการเมือง ตนรู้ว่าวันนี้ควรจะทำอะไร เราจะคิดเป็นอื่นไม่ได้ จะทำอะไรให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นสุข ได้ประโยชน์จากการทำงานของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม
“ถ้าไปแย่งเพื่อผลประโยชน์เพื่อคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนั้นคือ คิดผิด ผมว่า ไม่ต้องไปสู้รบปรบมือ ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์ดีกว่า ผมไม่มีปัญหา ผมอยู่ตรงนี้ ผมทำงานได้ ถ้าอยากเห็นผมในตำแหน่งอื่น ให้เวลาผมอีก 6 เดือน ผมว่าจะเห็นชัดแล้วว่า สิ่งที่ผมเข้ามาทำตรงนี้ ผมไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์ ผมเป็นสายวิทยาศาสตร์ แต่ผมทำได้ ถ้ายุติธรรมกับผม ให้ผมอยู่อย่างน้อย 6 เดือน ผมจะทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรม และผมก็มั่นใจว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเห็นอยู่ และจะได้เห็นชัดเจนในกระทรวงยุติธรรม” นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นครรลองประชาธิปไตย หากหยิบเรื่องการปรับเปลี่ยนอย่างเดียว ก็จะทะเลาะกัน มีคนจ้องจะเอาเรื่องแค่ประโยคเดียวไปตีความได้ทั้งหมด พี่น้องประชาชนขาดทุน ตนก็ออกมาร้องขอสมาชิกพรรคว่า จะต้องระมัดระวังเรื่องการสื่อออกไป เพราะเกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิด ทั้งที่ทุกอย่างออกมาดี นายกรัฐมนตรีเหนื่อยมากกับการแก้ปัญหาโควิด และนายกรัฐมนตรีก็ชนะเกือบ 100 เปอเซนต์ ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีเข้าใจ ส.ส.และชาวบ้าน หมวดต่อไป คือ ชาวบ้านในชนบทจะได้รับการดูแลจากรัฐบาล สิ่งที่ผู้ใหญ่เข้าใจทั้งหมดก็เกิดจาก ส.ส.ด้วย ครม.ด้วย ตนอยากเห็นประชาชนหรือคนที่เดือดร้อนอยู่มีความสุขมากขึ้น ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีรอบนี้ จะทำให้การทำงานก้าวหน้ากว่าเดิมหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่พูดเรื่องปรับ ครม. อย่าไปถาม ตนพูดในแนวของการเมืองว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องทำให้ดี หาคนให้ดี แต่อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรี