รมว.ยุติธรรม ขู่ย้าย ผบ.เรือนจำ หากใช้งบไม่เป็น จะย้ายไปเรือนจำเล็กลง ขอช่วยแก้ปัญหาแออัดในคุก เพื่อสุขอนามัย สั่ง เช็คข้อมูลนักโทษเดรัจฉานย้อนหลัง 5 ปี

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  ปาฐกถาพิเศษและมอบนโยบายในโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ในการส่งเสริมสุขอนามัยอาหารและโภชนาการแก่ผู้ต้องขัง ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยินดีที่ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประชุมวันนี้ เพื่อจะได้ช่วยกันพัฒนามาตรฐานสุขอนามัยของผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยสิ่งที่อยากเน้นย้ำวันนี้คือ ตัวเลขผู้ต้องขังไม่ลดลง ทำให้ปัจจุบันมีผู้ต้องขังกว่า 3.8 แสนคน ทำให้พบปัญหาความแออัด ทางกระทรวงยุติธรรม จึงได้ทำกรอบการแก้ปัญหา อาทิ การแก้กฎหมาย อย่าง คดียาเสพติด ที่มีโทษน้อย รวมถึงขณะนี้ ก็มีการเร่งปลดกระท่อม ออกจากยาเสพติด เนื่องจากสถิติคดีปี 62 ที่เกี่ยวกับกระท่อมมีกว่า 6 หมื่นคดี ซึ่งจะช่วยลดความแออัดในเรือนจำได้ นอกจากนี้ ยังได้วางกรอบพักโทษ และการใช้กำไลอีเอ็ม โดยแบ่งกลุ่มที่จะใช้กำไลอีเอ็ม อาทิ ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ผู้ต้องขังทำงานนอกเรือนจำ ผู้หญิงตั้งครรภ์ คดีเสพยาจำนวนน้อย คดีความมั่นคง คดีการเงิน และคดีเก็บของป่า 

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า ขอให้ผู้บัญชาการทุกแห่ง ตรวจดูเรือนจำตัวเองว่า มีเรื่องอะไรที่ยังค้าง ไม่สามารถทำได้ ก็ให้รีบยกเลิก โดยอย่าให้เป็นภาระของผู้ใหญ่ให้ปวดหัว ซึ่งเรื่องอะไรที่ยังค้าง ก็ให้หาทางยกเลิก และคืนงบประมาณ พร้อมย้ำว่า ถ้าใครใช้เงินไม่เป็น จะไม่ให้ปรับตำแหน่ง หรือ ให้ถอยไปเรือนจำที่เล็กลง 

นอกจากนี้ มีช่วงหนึ่ง นายสมศักดิ์ ได้สอบถามผบ.เรือนจำทุกแห่ง ถึงพื้นที่เรือนนอนว่ามีพื้นที่เท่าไหร่ ผู้ต้องขังเกินความจุหรือไม่ โดยนายสมศักดิ์ ได้สุ่มถามผบ.เรือนจำอุบลราชธานี ซึ่งก็ได้รายงานว่า เรือนจำอุบลฯมีพื้นที่ 3 พันตารางเมตร แต่มีนักโทษ 6 พันคน นายสมศักดิ์ จึงกล่าวว่า ที่นอนยังไม่ถึงครึ่งตารางเมตร โดยหากนั่งยังไม่พอ ซึ่งหากเป็นตัวเลขจริง ต้องรีบเกลี่ยไปเรือนจำอื่น เพราะเป็นเรื่องสุขอนามัย โดยทุกคนจะป่วยหมด ดังนั้น อย่าให้ใครว่าเราได้ว่า ปล่อยปละละเลย

นายสมศักดิ์ ยังสอบถามต่อว่า เรือนจำใดมีพื้นที่เหลือหรือไม่ โดยผบ.เรือนจำเขาพริก ได้รายงานว่า มีพื้นที่ 5 พันตารางเมตร จุคนได้ 4.3 พันคน แต่ปัจจุบันมีผู้ต้องขัง 3 พันกว่าคน จากนั้น นายสมศักดิ์ จึงแจงต่อว่า การถามไม่ใช่ลองภูมิ แต่เป็นการบริหาร ที่เราต้องรู้ให้จริง และจะได้ตอบคำถามต่างๆได้ 

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ต้องขังที่มีความรุนแรง อย่าง ฆาตรกรต่อเนื่อง สมคิด ไอซ์ หีบเหล็ก หรือ ปล้นทองลพบุรี ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้ เราถูกกดดันจากสังคมว่าต้องทำอะไรบ้าง โดยกระทรวงยุติธรรม จึงได้ทำกรอบแนวคิด 3 กรอบ เพื่อให้สังคมรับรู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน ซึ่งก็จะไม่มีคนตาย ดังนั้น สิ่งที่อยากขอข้อมูลจากผบ.เรือนจำ คือ  ให้ช่วยตรวจดูย้อนหลังว่า แต่ละเรือนจำที่ปล่อยผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเดรัจฉาน ว่ามีเท่าไหร่ โดยขอข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี 

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงเรื่องอาหารผู้ต้องขังว่า เราได้น้อยกว่าหน่วยงานราชการอื่น โดยได้อยู่ที่ 45 บาท ซึ่งน้อยกว่า 30 บาท แต่ถึงแม้ได้น้อย ก็ต้องทำตามทีโออาร์ พร้อมต้องตรวจสอบคุณภาพ และปริมาณ โดยส่วนตัวได้ให้สถาบันการศึกษา 2 แห่ง เข้าไปตรวจสอบคุณภาพ ดังนั้นขอให้อำนวยความสะดวกด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลจริง ซึ่งถ้าได้รับรายงานว่า พวกเราไม่ให้ความร่วมมือ จะถือว่าผิด 

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า เรื่องผู้ต้องขังกินข้าวกับผงชูรส โรคภัยจะตามมา รวมถึงยาบางชนิดอันตรายถ้ากินเกินขนาด โดยได้รับรายงานว่า ผู้ต้องขังเห็นยาแล้วแย่งกันกิน ดังนั้น ผบ.เรือนจำ ต้องให้ความสนใจในรายละเอียด ซึ่งถ้าเข้าใจไม่จริง เป็นผบ.เรือนจำจะเหนื่อย ตอนมีปัญหา เพราะบางครั้งต้องถูกโยกย้าย ทั้งที่ไม่อยากย้าย เนื่องจากต้องตอบคำถามสื่อมวลชน ซึ่งส่วนตัว กลัวที่สุดคือ นักข่าว

นอกจากนี้ ช่วงท้าย นายสมศักดิ์ เน้นย้ำว่า อีก 3 -​ 4 เดือน ต้องมาสอบกันใหม่ พร้อมแจงว่า ถ้าผู้ต้องขังตายโดยไม่มีเหตุผล อย่าโกรธอธิบดี เพราะส่วนตัวให้ย้าย เนื่องจากรับไม่ได้ ถ้าคนแรกตาย และยังมีคนอื่นตามมา พร้อมยืนยันว่า การเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม จะไม่ให้ทุกคนเสียเวลา เพราะจะต้องช่วยกันทำงาน และจะอยู่นานๆ ทำให้ได้รับเสียงปรบมืออย่างดัง นายสมศักดิ์ จึงกล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าเสียงดังขนาดนี้ อยู่ 8 ปีเลย 

นายสมศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เรื่องความแออัดในเรือนจำ จากตัวเลขที่สามารถทำได้ ประมาณ 8 หมื่นตารางเมตร จะใช้งบ 178 ล้านบาท โดยขณะนี้ กำลังรอเอกสารเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้เสนอแผนแก้ปัญหาผู้ต้องขังล้นคุกไปแล้ว โดยมีแผน 5 กรอบ อาทิ กฎหมาย ใช้สถานที่อื่นกักกัน ฝึกอาชีพ แก้ปัญหายาเสพติด โดยครม.ได้เห็นชอบกรอบนี้แล้ว ส่วนเรื่องกำไลอีเอ็ม หรือ งบกลางสร้างเรือนนอน ก็จะเสนอตามไป

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า กำไลอีเอ็ม ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เนื่องจากต้องรองบประมาณปี 64-65 ที่จะเป็นงบผูกพันธ์ โดยถ้าใช้กำไลอีเอ็มได้ดี ก็อาจให้ผู้ต้องขังเช่า เหมือนบางประเทศ ที่ให้เช่าวันละ 10 เหรียญ ส่วนความคืบหน้าเรื่องอาหารในเรือนจำ ก็ย้ำว่า ยังไม่มีข้อสรุป เพราะสถาบันการศึกษา 2 แห่ง พึ่งเข้าไปสำรวจภายในเรือนจำ เช่นเดียวกับผลตรวจในเรือนจำพิษณุโลก ก็ยังไม่ทราบ แต่มองว่า คนที่หัวใจหยุดเต้น ไม่น่าใช่เรื่องอาหาร ซึ่งหากเราดูแลเอาใจใส่ ก็ไม่ถึงตาย รวมถึงไม่น่าตายหลายคน พร้อมยืนยันว่า เรื่องผงชูรสคลุกข้าว อธิบดีได้สั่งห้ามแล้ว

แสดงความเห็น