ตั้ง ‘ราเยวัช’ ขี่คอ ‘โค้ชโอ้’ นับถอยหลังเปลี่ยนกุนซือ ‘กิเลนผยอง’

DST.Special Report : ภายหลังความปราชัยยับเยินต่อ ‘เดอะ แรบบิท’ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ‘กิเลนผยอง’ เมืองทอง ยูไนเต็ด มีการขยับทันที

เพราะมันเป็นความพ่ายแพ้แบบหมดรูปแบบติดๆ กัน เริ่มจากการโดน ‘ฉลามชล’ ชลบุรี เอฟซี จ่าฝูง กระทำชำเราต่อหน้าธารกำนัลในบ้านตัวเอง 5-1 ตามด้วย ‘เดอะ แรบบิท’ อีก 3-0

ภาพรวมตั้งแต่เปิดม่านฤดูกาลมา ‘กิเลนผยอง’ แข่งไป 7 นัด เก็บได้หรอมแหรม 6 แต้ม ชนะนัดเดียว แพ้และเจ๊าอย่างละ 3 นัด นั่งแช่อยู่ค่อนตารางล่างในอันดับ 10

และนั่นทำให้บอร์ดบริหารมิอาจทำทนตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อีกต่อไป วันก่อนจึงทำการแต่งตั้งอดีตกุนซือช้างศึก ชาวเซอร์เบีย ‘มิโลวาน ราเยวัช’ มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค หรือ Technical Director

แน่นอนว่า มันเหมือนเป็นการผนึกกำลังกัน โดยเอา ‘ราเยวัช’ มาช่วย ‘มาริโอ ยูรอฟสกี’ เฮดโค้ชมาดยียวน แต่แฟนบอลไทยต่างรู้ดีว่า มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น 

การเอากุนซือ 2 คน มานั่งขี่คอกัน มันคือ การกดดันอีกฝั่ง โดยเฉพาะกุนซือที่กำลังนั่งทำหน้าที่อยู่

พูดง่ายๆ นัดต่อจากนี้ หากผลงานของ ‘มาริโอ’ ยังไม่กระเตื้อง เชื่อขนมกินได้ว่า คนที่จะมายืนข้างสนามแทนคือ ‘ราเยวัช’ 

สิ่งที่หลายสโมสรในราชอาณาจักรไทยนิยมทำมากที่สุดคือ การสลับเก้าอี้ โดยเอาคนเก่าไปเข้าแขวนไว้ลอยๆ แล้วเอาคนใหม่มาทำหน้าที่แทน 

ซึ่งไม่มีทางที่เลย ‘เมืองทอง’ ที่หลายปีมานี้ทำตัวมัธยัสถ์ ประหยัดงบ จะยอมควักเงินเพื่อเอากุนซือดีกรีพากาน่าเล่นฟุตบอลโลกมาแล้ว มาประดับหิ้งเฉยๆ 

เชื่อขนมกินได้ว่า ในไม่ช้าไม่นาน ‘ราเยวัช’ นี่แหละจะมายืนบัญชาการข้างสนามเอง

การเล่นของ ‘กิเลนผยอง’ คงจะเปลี่ยนไปเช่นกัน ‘มาริโอ’ กับ ‘ราเยวัช’ เป็นบอลคนละสไตล์

‘มาริโอ’ หรือ ‘โค้ชโอ้’ เป็นบอลเกมรุก บุกตะพรืด แฟนบอลชอบ ขณะที่ ‘ราเยวัช’ เป็นพวกเข็มขัดแน่น เน้นเกมรับแน่นหนา หาจังหวะบุกเอา

หากจำกันได้สมัย ‘ราเยวัช’ ทำหน้าที่เป็นควาญช้างศึก ทีมชาติไทยชุดนั้นเล่น ‘บอลไดเรกต์’

บอล ‘ราเยวัชสไตล์’ ดูจะเบื่อๆ หน่อย แต่เน้นไปที่ความแน่นอน ต่างกับ ‘มาริโอสไตล์’ มาก

แต่อย่างไรก็ดี หากต้องถึงวันที่ ‘ราเยวัช’ มาอยู่ข้างสนามจริง จะบอกว่า เป็นเพราะความล้มเหลวของ ‘โค้ชโอ้’ คงจะไม่ถูกเท่าใดนัก

เมืองทองฯ ภายใต้การกางแผนรบฉบับ ‘มาริโอ’ เป็นบอลที่ดูแล้วสนุกเร้าใจ แพ้แบบแฟนบอลไม่หัวเสียมาก ดูอย่างปีก่อน สามารถทำทีมในสภาวะทรัพยากรที่โคตรจำกัดได้เป็นอย่างดี พา ‘กิเลยผยอง’ ผงาดบนหัวตารางตอนจบฤดูกาล

ขณะที่ฤดูกาลนี้ แม้จะมีแต้มแบบเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ก็พยายามจะเป็นบอลที่มีทรง เพียงแต่นักเตะที่มีขีดจำกัดด้านศักยภาพ

ตัวต่างชาติ หลังไร้ ‘วิลเลียน พอพพ์’ ไร้ความดุดัน นักเตะไทยที่มีเล่นกันเฉื่อยๆ 

พูดง่ายๆ แผนดีแต่ไม่นำพา ผลลัพธ์ที่ออกมามันเลยหมดรูป

อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือ ศักดินาและความน่าเกรงขามของเมืองทองฯ มันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกทีมที่เจอกับ ‘กิเลนผยอง’ หลายฤดูกาลมานี้ ไม่ได้มาเพื่อแชร์แต้มเหมือนวันวาน แต่ต้องการชนะ 

ทีมเล็กบดขยี้ไล่บี้เล่นเพรสซิ่งใส่ ไม่ได้ตั้งกำแพงเมืองจีน ยำเกรงอดีตแชมป์ไทยลีกอีกแล้ว

เมืองทองฯคล้ายๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในลีกอังกฤษ ชั่วโมงนี้ คือ ทุกทีมเชื่อว่า ชนะได้ ไม่ได้ประหวั่นแต่อย่างใด

ฉะนั้น มันจึงไม่ได้เป็นความผิดของ ‘โค้ชโอ้’ แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันต้องไล่ไปยันบอร์ดบริหาร ตลอดจนนักเตะ.

_______
เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : เพจ Muangthong United FC

แสดงความเห็น