รมว.ยุติธรรม บินแก้หนี้อีสาน ช่วยเคลียร์สาวขอนแก่นได้บ้าน-ที่ดินคืนหลังโดนฟ้องค้ำประกัน

รมว.ยุติธรรม บินแก้หนี้อีสาน ช่วยเคลียร์สาวขอนแก่นได้บ้าน-ที่ดินคืนหลังโดนฟ้องค้ำประกันซื้อรถให้ญาติ ขรก.เกษียณปลื้มไม่ถูกยึดที่นาทำกิน ชาวชัยภูมิได้หายเครียด กยศ.ให้ผ่อนยาว 20 ปีงวดละ 910 บาท ชวนคนเป็นหนี้ร่วมงานหลังไกล่เกลี่ยได้จริงแถมโปรโมชั่นเพียบ “สมศักดิ์” เผยเตรียมจัดงานเก็บตกใหญ่ 8-11 ก.ย. ที่เมืองทอง 

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) มีการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนครั้งที่ 66 และยุติธรรมพบประชาชน จ. ขอนแก่น โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายจารึก เหล่าประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นางอรัญญา ทองน้ำตะโก รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายวิชัย ไชยมงคล  เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ที่ปรึกษาเฉพาะด้านนโยบายและการบริหารงานยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ รองผู้จัดการ กยศ. ข้าราชการ เจ้าหน้าที่และประชาชนร่วมงานจำนวนมาก โดยก่อนเข้างานมีการตรวจคัดกรองโควิด-19 อย่างเข้มงวด 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราดำเนินการไกล่เกลี่ยหนี้สิน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีเป็นจังหวัดที่ 66 แล้ว ซึ่งเราต้องดำเนินการต่อไปให้ครบทุกจังหวัด โดยยังมีประชาชนที่ยังมีปัญหาหนี้สินและไม่ได้มาเข้าร่วมโครงการอยู่อีก นายกฯ เข้าใจว่าคนที่เป็นหนี้ไม่มีความสุข จึงอยากแก้หนี้ แต่ปัญหาคือเราไม่สามารถประสานงานได้ครบถ้วน ทำให้โอกาสลอยไป คนที่เป็นหนี้อยู่ก็ยังต้องปวดหัว ไม่สบายใจต่อไปอีก ตนจึงอยากจะจัดงานครั้งใหญ่ให้อีกครั้งหนึ่งที่ อาคาร 5 เมืองทองธานี กทม. ในวันที่ 8-11 ก.ย. 2565 เพื่อเก็บตกช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนให้ได้มากที่สุด สำหรับการจัดงานวันนี้ที่ขอนแก่น เรามีเป้าหมายประชาชนที่เข้าร่วมงาน 12,318 ราย ทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 1,792 ล้านบาท โดยการจัดงาน 65 ที่ผ่านมา เราไกล่เกลี่ยสำเร็จ 51,877 ราย ลดค่าใช้จ่ายประชาชน 4,669 ล้านบาท 

จากนั้นนายสมศักดิ์ ได้มอบเงินเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา 13 ราย เป็นเงิน 875,574 บาท และมอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ย 28 ศูนย์ และได้ร่วมการไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง รายแรกหญิงสาวเป็นหนี้ก่อนฟ้อง กยศ. เงินต้น 196,410 บาท ผ่อนมาแล้ว 11 ปีเป็นเงิน 147,060 บาท โดยยอดปัจจุบันรวมค่าปรับและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 124,467 บาท ผลการเจรจาได้รับส่วนลด 45,716 บาท คงเหลือ 78,751 บาทและให้ผ่อนอีก 13 ปีงวดละ 540 บาท รายต่อมา เป็นหนี้หลังศาลพิพากษา เป็นหญิงสาวค้ำประกันให้ญาติซื้อรถจากโตโยต้า ลิสซิ่ง 739,941 บาท แล้วผิดนัดชำระจนถูกฟ้อง และถูกบังคับคดียึดบ้านและที่ดิน ซึ่งจะมีการขายทอดตลาดในวันที่ 14 ก.ย. โดยผลการเจรจรทางโตโยต้าให้จ่าย 100,000 บาทเพื่อถอนการยึดทรัพย์และปิดหนี้ในส่วนของผู้ค้ำประกัน 

รายสุดท้ายเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณแล้วมาทำไร่ทำนา กู้ธนาคารออมสิน 1.2 ล้านบาท ผิดนัดชำระจนถูกฟ้องยึดบ้านและที่ดิน ผลการเจรจาได้ลดดอกเบี้ย จาก 6.15%เหลือ 3.15% ลดเงินค่างวดจาก 7,500 บาท เหลือ 3,200 บาท ยกเว้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี 30,000 บาท โดยลูกหนี้จะขายที่ดินที่เหลืออยู่มาปิดหนี้ ซึ่งจะได้รับส่วนลดอีก 368,148 บาท โดยทางลูกหนี้ได้ขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรม ที่จัดงานในครั้งนี้ และอยากให้ช่วยคิดโครงการดีๆอื่นๆขึ้นมาอีกเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน หากไม่มีโครงการนี้ก็ไม่รู้ว่าจะปลดหนี้ได้ยังไงและบ้านกับที่ดินก็คงจะถูกยึด ไม่มีบ้านอยู่อาศัยและที่ดินทำกิน 

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายสมศักดิ์และคณะได้เดินทางไปยัง โรงแรมสยามริเวอร์รีสอร์ท จ.ชัยภูมิ เพื่อเปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน และยุติธรรมพบประชาชน จ.ชัยภูมิ โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นางอรัญญา ทองน้ำตะโก รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายเรืองศักดิ์  สุวารี  อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายไพบูลย์ เมฆมานะ ผู้ตรวจราชการกรมบังคับคดี นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ข้าราชการและประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ โดยจ.ชัยภูมิมีเป้าหมายประชาชนที่เข้าร่วมงาน 6,300 ราย ทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 660 ล้านบาท 

โดย นายสมศักดิ์ ได้เปิดงานและมอบเงินเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา 17 ราย เป็นเงิน 1,043,086 บาท และมอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ย 16 ศูนย์ และได้ร่วมการไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง รายแรกเป็นหนี้ก่อนฟ้อง กยศ. กู้เงินมาตั้งแต่ปี 2540 เป็นเงิน 342,770 บาท ผ่อนไปแล้ว 200,695 บาท ส่งไม่ตรงกำหนดมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมกับเงินต้นเป็นเงิน 309,523 บาท ผลการเจรจาได้รับส่วนลด 112,841 บาท คงเหลือ 196,682 บาท ให้ผ่อนอีก 20 ปี งวดละ 910 บาท อีกรายเป็นหญิงมีหนี้หลังฟ้องธนาคารออมสิน เงินต้น 65,135 บาท ดอกเบี้ย  18,037 บาท ค่าใช้จ่ายดำเนินคดี 13,900 บาท รวมเป็น 97,072 บาท และยึดทรัพย์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ผลการเจรจาได้ส่วนลด 9,522 บาท เหลือยอกปิดบัญชี 87,550 บาทและงดการยึดทรัพย์ รายสุดท้าย เป็นผู้หญิงถูกฟ้องหลังกู้เงินจากธนาคารออมสิน เงินต้น 31,923 บาท ดอกเบี้ย 14,891 บาท ค่าใช้จ่ายในคดี 16,500 บาท รวมเป็นเงิน 63,315 บาท ผลการเจรจาได้ส่วนลด 9,315 บาท เหลือยอดปิดบัญชี 54,000 บาทและงดการยึดทรัพย์ 

โดยลูกหนี้ได้กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมนำสถาบันการเงินมาช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และอยากชวนผู้ที่เป็นหนี้มาร่วมโครงการนี้ เพราะสามารถไกล่เกลี่ยได้จริง แถมยังมีโปรโมชั่นดีๆมากมาย ทั้งการลดเงินต้น ลดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมถึงการขยายระยะเวลาผ่อนชำระอีกด้วย วันนี้พวกเราจะได้กลับบ้านไปนอนหลับเสียที หลังจากเครียดในการเป็นหนี้และถูกฟ้องร้องมานาน ต้องขอบคุณจริงๆ 

แสดงความเห็น