ยกสุดท้าย ศึกเลือกตั้งกทม. “ชัชชาติ” เต็งหาม ยังไม่วางใจ

ถึงตอนนี้ที่เข้าสู่โค้งสุดท้าย ศึกเลือกตั้งสนามกรุงเทพมหานคร เพื่อชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าฯกทม.-สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร”  ที่แม้โพลทุกสำนัก-นักวิเคราะห์การเมืองเสียงส่วนใหญ่ เชื่อว่าผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งคืนวันอาทิตย์นี้ 22 พ.ค.  “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” มีโอกาสสูง จะเข้าเส้นชัย แบบม้วนเดียวจบ เพื่อไปนั่งเป็นผู้ว่าฯกทม. ด้วยเหตุผลว่า โพลทุกสำนักออกมาตรงกันว่า คนกทม.ส่วนใหญ่ จะเลือกชัชชาติ เป็นผู้ว่าฯกทม. ผนวกกับก็เชื่อว่าด้วยการที่ ชัชชาติ เปิดตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อิสระ มาร่วมสองปี มีการลงพื้นที่หาเสียง พบปะประชาชนหลายกลุ่มแทบจะทุกเขตในพื้นที่ 50 เขตกทม.มาหมดแล้ว ผิดกับผู้สมัครคนอื่นๆ ที่บางคน เพิ่งตัดสินใจลงสมัคร ก็ตอนเดือนมีนาคม มีเวลาหาเสียง แค่สองเดือนเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ หลายคน จึงมองว่า ไม่น่าจะมีการพลิกล็อคเกิดขึ้น

แม้จะรู้ดีว่า สนามเลือกตั้งกทม. เป็น “เวทีหักปากกาเซียน” มานักต่อนัก เพราะคนกทม.เดาทางยาก คาดเดาได้ลำบาก เนื่องจากเรื่อง “กระแส” มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของคนกทม.

ดังนั้น จึงมีการจับตามองกันว่า หากกระแสในช่วง 2-3 วันสุดท้ายก่อนวันลงคะแนนเสียง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น จนมีการไปฉุดคะแนนนิยมของชัชชาติ ลงมา ก็ไม่แน่ ที่คู่แข่งคนอื่น อาจจะเบียดแซง ชัชชาติขึ้นไปได้ นี้คือสิ่งที่หลายคนมองตรงกัน

สถานการณ์แบบวันต่อวัน นาทีต่อนาที นับจากนี้ ไปจนถึง เวลา 17 .00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค. ที่เป็นเส้นตายของการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จึงต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้ เกิดคะแนนแบบสวิงโหวต จนคะแนนของชัชชาติ ไม่เข้าเป้า แล้วแพ้เลือกตั้งแบบพลิกล็อค หรือไม่?

ของแบบนี้ เชื่อเถอะ  ชัชชาติ ก็ไม่ประมาท เพราะช่วงหลายวันที่ผ่านมา ชัชชาติ โดนกระสุนตกแล้วหลายลูก แต่ดีที่รีบพลิกเกมเร็ว เลยรอดมาได้ ไม่ช้ำมาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การถูกโจมตีว่า ชัชชาติ จับมือกับเพื่อไทย ในการเลือกตั้งรอบนี้ ด้วยการที่ ชัชชาติ อดีตแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ลงสมัครผู้ว่าฯอิสระ ขณะที่ เพื่อไทย ก็ไม่ต้องส่งคนลงสมัครผู้ว่าฯให้ส่งแต่คนลงสมัครส.ก. อย่างเดียว จากนั้น หากวิน-วิน กันหมด คือชัชชาติ ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. แล้วส.ก.เพื่อไทยเข้าสภากทม.ตามเป้า ก็จะได้ไปร่วมกันบริหารงานกทม.โดยมีการวางตัว ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย-วิชาญ มีนชัยนันทร์ ประธานภาคกทม.เพื่อไทย -พวงเพ็ชร ชุณละเอียด ผอ.เลือกตั้งส.ก.เพื่อไทย จะเข้าไปเป็น “รองผู้ว่าฯกทม.”

ซึ่งการสร้างกระแสดังกล่าว ไม่ค่อยเป็นผลดีกับ ชัชชาติและเพื่อไทย อย่างมาก เพราะทำให้ คนจะมองว่า ชัชชาติ ไม่อิสระจริงอย่างที่บอก เลยทำให้ชัชชาติ ต้องรีบออกมาปฏิเสธกระแสข่าวแบบรวดเร็ว

กระนั้น เรื่อง “ชัชชาติ” ไม่อิสระจริง แต่มาบอกว่าลงอิสระ และเป็นคนของทักษิณ เพื่อไทย จะพบว่าเป็นประเด็นหลักที่ฝ่ายไม่เอาทักษิณ-เพื่อไทยและพยายามสกัด ชัชชาติ ใช้ขึ้นมาเป็นประเด็นดิสเครดิต ชัชชาติ เพื่อหวังกดคะแนนนิยม ซึ่งเป็นประเด็นที่ใช้ถล่มชัชชาติมาตลอดช่วงหาเสียง แต่ว่ากันตามจริง พบว่าไม่ค่อยได้รับการขานรับมากนักในวงกว้าง จะมีก็แค่ในกลุ่มคนที่ไม่เอา ทักษิณ -เพื่อไทย -เสื้อแดง อยู่แล้ว ที่จะพยายามโหมประเด็นนี้มาเพื่อหวังฉุดคะแนน ชัชชาติ จากกลุ่มคนกทม.แนวกลางๆ ที่พร้อมจะสวิงโหวตไปฝ่ายไหนก็ได้ในช่วงโค้งสุดท้าย ที่ก็จะพบว่า ประเด็นดังกล่าว ยังคงเป็นประเด็นหลักในการพยายามโจมตี ชัชชาติ แต่ ชัชชาติ ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องโดนเรื่องแบบนี้ ที่ผ่านมา เลยตั้งหลักได้ดี ไม่ค่อยออกลูกโฉ่งฉ่าง จนไปเข้าทางฝ่ายตรงข้าม 

ส่วนประเด็นอื่นๆเช่น เรื่องสมัย ชัชชาติเป็นรมว.คมนาคมไปอนุมัติให้เปิดสายการบินเอกชนประมาณ 40 สายการบินในระยะเวลาเพียง 1 ปี ซึ่งภายหลังเป็นผลให้ AO ปักธงแดง ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน

หรือกรณีมีบุคคลไปยื่นเรื่อง  ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบชัชชาติ กรณีสมัยเป็นวิศวกรที่ปรึกษาของสถาบันทรัพย์สินทางปัญญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการประเมินมูลค่าโครงการร้านค้าปลอดอากร และโครงการจัดกิจกรรมเชิงพาณิชย์ และการประเมินมูลค่าความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่กลุ่มผู้ร้องอ้างว่า ชัชชาติ มีเจตนาคำนวณมูลค่าโครงการร้านค้าปลอดอากร และโครงการจัดกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ให้ร้านค้าต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนหรือดำเนินการในกิจกรรมของรัฐ พ.ศ. 2535 และการประมูลค่าความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ ในสนามบินสุวรรณภูมิ สูงกว่ามติคณะรัฐมนตรีหลายเท่าตัว เพื่อให้ประโยชน์ตกแก่ผู้ประกอบการ

ที่พบว่า ทั้งสองกรณีหลัง ชัชชาติ ออกมาเคลียร์ตัวเองได้เร็ว โดยยืนยันว่าทุกอย่างทำโดยถูกต้อง ตามกระบวนการทุกอย่างของทางราชการ ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐแต่อย่างใด ที่พบว่า ทั้งสองประเด็น ไม่ถูกขยายความในทางการเมืองมากนัก

จุดสำคัญเพราะคนก็มองว่าเรื่องมันนานมากแล้ว และรายละเอียดซับซ้อน ที่สำคัญ คนจำนวนไม่น้อย ก็พออ่านออกว่า ทั้งสองประเด็นดังกล่าวที่มีการขุดขึ้นมาตอนนี้ ก็เพื่อหวังดิสเครดิตชัชชาติ ทำให้ทั้งสองเรื่องดังกล่าว ไม่ถูกขยายความออกไปมากนัก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น คงทำให้ ชัชชาติ เห็นแล้วว่า ยิ่งตัวเอง นำโด่งในโพลมากเท่าไหร่ ถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่ง ก็ยิ่งทำให้ ไม่พ้นเสี่ยงที่จะ “โดนเจาะยาง” ในช่วงโค้งสุดท้าย

ทำให้ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายนี้ ชัชชาติ และทีมหาเสียง คงระวังตัวอย่างมาก ขณะเดียวกัน ก็คงต้องพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้ก่อนวันเลือกตั้ง เพราะชัชชาติ ก็อาจหวั่นไหวเช่นกันว่า จะมีกลยุทธ์การเมืองใต้ดินมาฉุดคะแนนนิยมตัวเอง

ขณะเดียวกัน ชัชชาติ ในฐานะนักวิชาการเอง ย่อมรู้ดีว่า ผลโพลต่างๆ ที่ออกมา ที่คะแนนชัชชาติ มาอันดับหนึ่งตลอดเป็นปีนั้น คนเป็นนักวิชาการ ย่อมรู้ดีว่า เรื่องการทำโพล์ จะมี “ปัจจัยผันแปร” ได้เสมอ

โพลที่เคยทำก่อนหน้านี้ ถึงเวลาเลือกตั้ง  ผลที่ออกมา อาจไม่เป็นอย่างที่โพลทำออกมา

เพราะอย่างที่เห็น โพลทุกสำนัก จะใช้กลุ่มตัวอย่าง เพียงหลักพัน บางรอบก็ใช้แค่พันคนเศษๆ ขณะที่ จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้มีร่วม สี่ล้านกว่าคน ดังนั้น กลุ่มตัวอย่างที่ตอบผลโพลจึงน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งสี่ล้านกว่าคน

ด้วยเหตุนี้ จึงมีข่าวว่า ชัชชาติ ได้ย้ำกับทีมงานหาเสียงเลือกตั้งทั้งในภาคสนามและทีมงานหาเสียงที่ทำในพื้นที่โซเชียลมีเดียให้ตัวเองตลอดเวลาว่า “อย่าประมาท” ต้องหาเสียงจนถึงนาทีสุดท้าย

จึงไม่แปลกที่จะไม่ค่อยเห็น การแสดงอาการมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง แบบโอเวอร์แอ็คชั่นของ ชัชชาติ ปรากฏต่อสาธารณชนมากนัก เพราะชัชชาติ เอง ก็คงยังไม่วางใจสถานการณ์ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงหรือแม้แต่ตอนนับคะแนนเสียง

เพราะในใจลึกๆ ชัชชาติ ก็คงเสียวๆ เหมือนกันว่า ผลเลือกตั้งที่ออกมา จะพลิกความคาดหมาย แม้จะถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะชนะเลือกตั้งก็ตาม

Exit mobile version