นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงกรณีเว็บไซต์ YouTube ชื่อ BigBrother’s Gaze โพสต์คลิป Thai Bangkok prison Security live โดยแฮกข้อมูลภาพวงจรปิดภายในเรือนจำหลังสวน จังหวัดชุมพร ว่า ตนได้รับรายงานและสั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์แจ้งความแล้ว รวมถึงสั่งการให้สำนักสื่อสารสนเทศของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปทำคดีนี้เพื่อสืบหาวัตถุประสงค์ของผู้ก่อเหตุและดำเนินคดี เบื้องต้นยังไม่ทราบถึงเจตนาชัดเจน อาจเป็นกลุ่มของบริษัทที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำธุรกิจซื้อขาย หรือต้องการจะขายเครื่องมือต่างๆเพื่อป้องกันการแฮกก็ได้ ต้องติดตามกันอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้การแฮกในลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับเรือนจำไทยเท่านั้น แต่ประเทศรัสเซีย สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ที่มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศล้ำหน้ากว่า เคยเกิดเหตุมาแล้ว และการแฮกในลักษณะนี้ก็ไม่ได้เกิดกับราชทัณฑ์เท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งการแฮกข้อมูลราชการหรือข้อมูลของธนาคาร
“กล้องวงจรปิดของเรือนจำหลังสวนไม่มีการใช้ระบบรหัสผ่านหรือ พาสเวิร์ด แต่เป็นการเปิดปิดโดยระบบแมนนวล ซึ่งเครื่องมือใช้มานานกว่า 10 ปีแล้ว จึงอาจเกิดเหตุจากความล้าสมัย โดยได้สั่งการให้ปรับปรุงส่วนที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบระบบอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งเพื่อหาช่องโหว่ แก้ไขอัพเดทระบบซอฟแวร์อย่างสม่ำเสมอ คาดว่าคงใช้งบประมาณไม่มาก” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ข้อมูลที่จะรั่วไหลออกไปไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่ข้อมูลส่วนตัวที่อาจกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง ทำให้อาจเกิดปัญหากับองคกรสิทธิมนุษยชน วันนี้กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังทั้งหมด 370,000 คน อาจจะมีปัญหาบ้างเป็นธรรมดา รวมถึงความแออัดในเรือนจำ โดยเฉพาะเรื่องที่นอนของผู้ต้องขัง ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขอยู่ คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่มาก โดย 134 เรือนจำทั่วประเทศ ใช้เงินไม่เกิน 200 ล้านบาท เพื่อซื้อวัสดุและจ้างนักโทษในเรือนจำ สร้างเรือนนอนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ชั้น จะเพิ่มที่นอนได้อีก 80,000 คน