รมว.ยุติธรรม ขอบคุณนายกฯสนับสนุนนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์-ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซับพอร์ท ชี้เป็นการนำคนจากที่มืดสู่แสงสว่าง ยัน ไม่ใช้นักโทษบัวใต้ตม มีแต่พวกชั้นดีใส่กำไล EM ออกไปเป็นแรงงาน ขอประชาชนสบายใจได้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ว่า ล่าสุดเราได้ส่งรายงานการศึกษาให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบแล้ว และทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้รับทราบและสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องช่วยสนับสนุน โดยอำนาจการสร้างคือ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะคัดเลือกสถานที่ให้กับเรา และกรมราชทัณฑ์จะจัดสรรแรงงานเข้าไปทำงานในนิคมฯ และปลัดกระทรวงยุติธรรม จะจัดตั้งหน่วยงานบริหารเพื่อคอยอำนวยการให้ผู้พักโทษที่ติดกำไล EM เข้าไปทำงานให้กับบริษัทในนิคมฯ และอาจจะมีการจัดหาสถานที่ สาธารณูปโภคให้กับแรงงานของราชทัณฑ์ ไม่ต้องกลับไปพักในเรือนจำที่ห่างไกล
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการเตรียมพร้อมให้กับคนที่อยู่ในความมืด กลับออกมาสู่ที่สว่างได้ โดยที่สายตาไม่พร่ามัว เป็นการเตรียมให้ผู้ที่เคยทำความผิดกลับตัวเป็นคนดีสู่สังคม โดยเป้าหมายของการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม จะมีตัวเลือกคือ จ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี และระยอง ที่เราเล็งเอาไว้ ซึ่งบริษัทเอกชนที่เข้ามา จะอยู่ที่ความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ และแต่ละนิคมฯจะมีแรงงานจากราชทัณฑ์รวมประมาณ 16,000 คน ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในเรือนจำได้ปีละ 336 ล้านบาท ลดค่าก่อสร้างเรือนจำใหม่ได้ถึง 7,500 ล้านบาท และจะมีเงินเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 1,927 บาทต่อปี จากรายได้ค่าแรงขั้นต่ำ 330 บาทต่อคน ซึ่งในช่วงที่รอการจัดตั้งนิคมฯ เราได้ใช้ สมุทรปราการโมเดล ทำ MOU กับบริษัทเอกชนไว้พอสมควร ซึ่งหากสถานการณ์โควิดเบาบางลงเราจะเร่งดำเนินการได้มากขึ้น
“ผมต้องขอบคุณท่านนายกฯ ที่ท่านมีนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และกระทรวงยุติธรรมก็ได้มีแนวทางการทำงานสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ท่านกรุณาพวกเรามากที่ให้การสนับสนุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ และพี่น้องประชาชนจะเข้าใจมากขึ้น ว่าเราไม่ได้เอาผู้ต้องขังที่เป็นประเภทบัวใต้ตมหรือคดีร้ายแรงออกไปทำงาน คนเหล่านั้นจะไม่ได้รับการพักโทษ จะมีแต่นักโทษชั้นดี พวกเทวดาตกสวรรค์หรือขุนแผนติดคุกเท่านั้นที่จะได้ไปทำงาน ขอให้ทุกท่านสบายใจได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
แสดงความเห็น
