“ส.ส.พรรณสิริ” รุดเยี่ยม ครู-นักเรียนโรงเรียนมิตรสัมพันธ์ เหตุโควิดระบาดหนัก คลัสเตอร์ใหญ่เกือบ 40 ราย ยืนยัน ดูแลผู้ติดเชื้ออย่างดี พร้อมเสนอโรงเรียนจัดสรรอาหารกลางวัน-นมให้เด็กอย่างทั่วถึงท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย เขต 1 พร้อมด้วย นายปรีชา สุทนต์ นายอำเภอศรีสำโรง และนายเขตพงศ์ กุลนาถศิริ รองนายก อบจ.สุโขทัย และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามกรณี นักเรียน-ครู โรงเรียนมิตรสัมพันธ์ ติดเชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์ใหญ่ ในตำบลวังใหญ่ จังหวัดสุโขทัย เกือบ 40 ราย พร้อมมอบหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ และถุงยังชีพให้กับผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อมอบให้ครอบครัวนักเรียนโรงเรียนมิตรสัมพันธ์ ซึ่งติดเชื้อโควิด-19 พร้อมหารือ ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน กรรมการสถานศึกษารับมือสถานการณ์โควิด -19
ซึ่งการติดเชื้อโควิด-19 ครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากเครือญาติผู้ปกครองนักเรียน ที่ประกอบอาชีพขับรถรับจ้าง ขนส่งไปในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะตลาดไท ทำให้ได้รับเชื้อแล้วแพร่ระบาดมายังคนในครอบครัว รวมทั้งนักเรียนในโรงเรียนมิตรสัมพันธ์ กระทั่งติดเชื้อ จำนวน 9 คน จากนักเรียนทั้งหมด 178 คน และคุณครู 1 คน โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศรีสังวรได้เข้ามาตรวจหาเชื้อที่โรงเรียน พบว่ามีนักเรียนชั้นประถมศึกษา และคุณครูได้รับเชื้อดังกล่าว รวมทั้งการแพร่ระบาดไปยังโรงเรียนใกล้เคียงและประชาชนทั่วไป รวม 38 คน ทั้งนี้ นักเรียนและครูผู้ติดเชื้อ ได้รับการดูแลอย่างดี และเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสังวร
ดร.พรรณสิริ ระบุว่า สำหรับมาตรการรับมือนั้น ทั้งนายอำเภอ ส่วนราชการ สาธารณสุขผู้นำท้องถิ่นได้เปิดศูนย์พักเก็บตัวผู้ติดเชื้อทุกตำบลไว้รองรับ เน้นการแจ้งไทม์ไลน์ที่ถูกต้องและชัดเจน รวมทั้งมาตรการอื่นๆ อย่างครบถ้วน และในส่วนของสถานศึกษา ได้เฝ้าระวัง สื่อสารระบบการป้องกันให้กับนักเรียนอย่างครอบคลุม นักเรียนที่ติดเชื้อโควิดทุกคนได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จากศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข อำเภอศรีสำโรง (Emergency Operation Center : COE) และในกรณี ครู-นักเรียน ติดโควิด-19 หรือการหยุดเรียน ก็ได้ประสาน นายอำเภอ ศึกษาธิการจังหวัด ผอ.เขตพื้นที่การประถมศึกษา ผู้บริหารโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดโดยเฉพาะด้านการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเห็นว่า ควรส่งเสริมให้ครูใช้ชุดการสอนที่กระทรวงศึกษามีนโยบายเปิดศูนย์สื่อออนไลน์ ให้ครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเพื่อลดเวลาการเตรียมการสอนของครูแต่ละคน อีกทั้งมีบทเรียนที่แปลกใหม่ให้นักเรียนสนใจเรียนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเน้นให้โรงเรียนใช้ระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนผ่านโครงข่ายการเยี่ยมบ้านด้วยสื่ออิเลคทรอนิกส์ การใช้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้ปกครองและนักเรียน สร้างความรู้ความเข้าใจในการเรียนรู้ และเน้นย้ำเกี่ยวกับมาตรการ การเฝ้าระวัง การดูแลสมาชิกของครอบครัวในภาวะโรคระบาด ด้านการจัดการอาหารการดูแลนักเรียนนั้น มีจิตอาสาและชุมชนได้เข้ามาช่วยกันดูแล พร้อมเสนอให้โรงเรียนจัดสรรอาหารกลางวัน นมโรงเรียนให้นักเรียนได้รับอย่างทั่วถึงตามปกติ เพราะเป็นสิทธิประโยชน์ที่เด็กๆจะพึงได้รับ โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤตจากโรคระบาดนี้