รมว.ยธ. ลุยเชียงใหม่ มอบนโยบายปราบยาเสพติด เน้นยึดทรัพย์ตัดวงจรควบคู่ปราบปราม

รมว.ยุติธรรมลุยเชียงใหม่ มอบนโยบายปราบยาเสพติด ชายแดนภาคเหนือ หวังทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนทำเป็นแนวร่วม แนะเวลาปิดล้อมตรวจค้นเก็บ DNA เป้าหมายป้องกันร่วมขบวนการ เน้นยึดทรัพย์ตัดวงจรควบคู่ปราบปราม เชื่ออีกปีเศษได้เห็นน้ำเห็นเนื้อ

ที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จ.เชียงใหม่ มีการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ (พ.ศ. 2562 – 2565) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในพิธีและมอบนโยบายการขับเคลื่อน พร้อมด้วย มรว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมถ์ นายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเจริญฤทธิ์ สงวนศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายชุติเดช มีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พล.ท.ธนณัฐ ยังเฟื่องมนต์ ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กอ.รมน. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.บช.ปส. และนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวมอบนโยบายว่า  ตนในนามของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ และประธานคณะกรรมการปฏิบัตินโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ได้รับทราบผลปฏิบัติการที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจ ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง แต่ยังมีการลักลอบขนยาเสพติดผ่านเข้ามาทั้งทางบกและทางน้ำ จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการ ทำงานบูรณาการร่วมกัน สร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนเพื่อเป็นแนวร่วม และอาจจะได้รับข่าวสารที่ดีอีกด้วย การปราบปรามและการบังคับใช้กฎหมาย ต้องทำควบคู่ไปกับยึดทรัพย์ตัดวงจร ส่วนการเข้าปิดล้อมตรวจค้นในหมู้บ้านชุมชนทุกครั้ง ขอให้มีการเก็บชีววัตถุ หรือดีเอ็นเอของกลุ่มเป้าหมายเพื่อเป็นการป้องปราบกลุ่มเป้าหมายไม่ให้เข้าร่วมขบวนการ เพราะดีเอ็นเอจะใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ การป้องกันยาเสพติดต้องเน้นสร้างความเข้มแข็งในทุกภาคส่วน ใช้แนวทางหมู่บ้านเข้มแข็งปลอดยาเสพติด เพื่อให้สอดคล้องดูแลซึ่งกันและกัน เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและเน้นในสถานศึกษาด้วย และต้องมีการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด เพื่อให้กลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น และยังมีโครงการร้อยใจรักษ์ ภายใต้พระราโชบาย ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ที่ถือเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหายาเสพติดอีกด้วย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลที่ผ่านมามีการต่อสู้กับยาเสพติดมาอย่างยาวนานหลายสมัย ตนมาทำงานในกระทรวงยุติธรรม มีผู้ต้องขัง 380,000 คน มีผู้ต้องขังคดียาเสพติดถึง 80% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไรให้ปัญหายาเสพติดน้อยลง และแก้ปัญหาคนล้นคุกด้วย หากเรายังใช้วิธีการปราบปรามอย่างเดียวเหมือนเดิม แม้จะเป็นแนวทางที่ดีแต่ยังไม่สุด ดังนั้นเราจะทำอย่างไร เราต้องมาปรับฐานทำความเข้าใจใหม่ โดยใช้แผนในอดีตเป็นขั้นที่ 1 ส่วนแผนขั้นที่ 2 คือ ให้ความรู้กับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานทั้งหลาย และดูเรื่องใหม่ๆในเรื่องดิจิทัล ตามที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบายไว้ นอกจากนี้ยังต้องมีเครื่องมือสืบค้นให้ทันผู้ร้าย ซึ่งคือการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด และจะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการกฎหมาย เพราะปัจจุบันมูลค่ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ 2.1 ล้านล้านบาท หากเราไม่ยึดทรัพย์ตัดวงจร จับแต่ของกลาง เขาก็ยังมีทุนในการผลิตอยู่ เพราะยาบ้าต้นทุนแค่เม็ดละ 50 สตางค์เท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่าการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดในส่วนนี้อีกปีเศษคงได้เห็นน้ำเห็นเนื้อ และเมื่อเราปราบปรามยาเสพติดให้ลดน้อยลงไป ผู้ต้องขังในเรือนจำจะลดลง ลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าปฏิบัติงานต่างๆของเจ้าหน้าที่ อัยการและศาล เป็นการลดค่าใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดินอีกด้วย นี่คือแนวทางการปราบปรามยาเสพติดที่เราเพิ่มขึ้นมาใหม่ 

แสดงความเห็น