เลขารมว.ยธ. ยัน “เพนกวิน” ไม่ได้โพสเฟซบุ๊กเอง เอามือถือเข้าเรือนจำไม่ได้ ลุยแจ้งความมือโพส

เลขารมว.ยุติธรรม ชี้ “เพนกวิน” ไม่ได้โพสเฟซบุ๊กเอง เอามือถือเข้าเรือนจำไม่ได้มีมาตรการตรวจเข้ม เชื่อเพื่อนเอาไปโพสให้ เผยข้อความเขียนไว้ตั้งแต่ขึ้นศาล พร้อมลุยแจ้งความดำเนินคดีมือโพส เล็งฟันพวกปล่อยเฟคนิวส์ ยัน ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับใครใช้มาตรฐานเดียวกันทุกคน 

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร  มีการโพสต์ข้อความและภาพข้อความเขียนด้วยลายมือในเฟซบุ๊กว่า เรื่องนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับทราบแล้ว และสั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ข้อความที่เขียนด้วยลายมือนั้น นายพริษฐ์ เขียนไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในศาล และมีเพื่อนถ่ายรูปเอาไว้ โดยขณะนั้นมี ตำรวจ สน.พหลโยธิน 1 นาย เจ้าพนักงานตำรวจศาล 3 นาย นายพริษฐ์ และพวกรวม 4 คน ทีมทนาย 3 คนพอทราบว่าไม่ได้ประกันตัว จึงขอรับประทานอาหาร พร้อมเขียนจดหมายที่บริเวณศาล และจึงส่งตัวให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป แต่ใครเป็นผู้นำไปโพสในเฟซบุ๊กคงต้องให้ทางตำรวจสืบสวน ซึ่งการเข้าเยี่ยมนายพริษฐ์นั้น มีเพียงทนายความส่วนตัวเท่านั้นที่เยี่ยมได้ และเป็นการเยี่ยมผ่านวีดีโอคอลทางไลน์ ไม่ได้เจอหน้ากัน เพราะนายพริษฐ์อยู่ในระหว่างการกักตัวเพื่อควบคุมโรคโควิด 14 วัน นอกจากนี้การจากตรวจสอบอย่างละเอียดของเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ปรากฏว่ามีการนำเครื่องมือสื่อสารหรือโทรศัพท์มือถือเข้าไปได้ เพราะในระหว่างการส่งตัวเข้าสู่เรือนจำจะมีการตรวจค้นอย่างละเอียดรวมทั้งมีเครื่องเอ็กซเรย์กับทุกๆคน ดังนั้นไม่มีทางที่ผู้ต้องขังจะนำเครื่องมือสื่อสารเข้าไปได้ และมั่นใจว่านายพริษฐ์ ไม่สามารถโพสต์เฟซบุ๊กได้อย่างแน่นอน น่าจะเป็นการโพสต์จากนอกเรือนจำ 

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า นายสมศักดิ์ ได้สั่งให้กรมราชทัณฑ์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยในช่วงดึกวันที่ 12 ก.พ. ตนได้ไปแจ้งความและลงบันทึกประจำวันที่ สน.ร่มเกล้า เพื่อให้ตำรวจสืบหาผู้โพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว ในข้อหาทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมราชทัณฑ์และรมว.ยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีเฟซบุ๊กอื่นๆ ที่กล่าวหา รมว.ยุติธรรม และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในเชิงรู้เห็น ปล่อยให้ปลุกระดมและเป็นพวกเดียวกันกับนายพริษฐ์ ตรงนี้เรากำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีด้วย ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่เป็นความจริง เราปฏิบัติต่อผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกคน ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และในครั้งก่อนที่ นายสมศักดิ์ เข้าไปพบนายพริษฐ์ในเรือนจำ ตนก็ได้เข้าไปด้วย ซึ่งเป็นเพียงการเข้าไปดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยเท่านั้น เพราะขณะนั้นมีกระแสข่าวว่า นายพริษฐ์และเพื่อนถูกทำร้ายร่างกาย จึงต้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะนักโทษทางการเมืองมีความละเอียดอ่อน จึงต้องตรวสอบและให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง ยืนยันว่าเรามีหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมตามหลักสิทธิมนุษยชน 

“ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ปล่อยปะละเลย หรือให้ใครมาปลุกระดมจากภายเรือนจำ เรามีกฎการควบคุมที่เข้มงวด ไม่มีการให้อภิสิทธิ์ใครใช้เครื่องมือสื่อสารใดๆได้จากภายในเรือนจำ ดังนั้นเรื่องนี้เราต้องตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ไปโพสข้อความดังกล่าว นอกจากนี้ ในส่วนของเฟคนิวส์ ที่มีการโพสต์ข้อความในการสร้างความเสียหายกับกระทรวงยุติธรรมขอให้หยุดการกระทำนั้น เราควรมาพูดคุยกันด้วยเหตุและผล หากพบว่าใครยังกระทำการพยายามสร้างความเสียหายให้กับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ เราจะฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งผมขอยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรม ไม่เคยใช้เครื่องมือทางกฎหมายไปกลั่นแกล้งใครหรือฝ่ายใดทั้งสิ้น เราดำเนินการตามหลักกฎหมายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม” ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าว

แสดงความเห็น