รมว.ยธ. ยัน รบ.เอาจริงจัดการยาเสพติด ทุกหน่วยต้องทำงานบูรณาการไปทิศทางเดียวกัน


รมว.ยุติธรรม บรรยายพิเศษ “แนวทางเอาชนะยาเสพติด” ยัน รบ.เอาจริงทุกหน่วยต้องทำงานบูรณาการไปทิศทางเดียวกัน ชี้ อยากให้แก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมที่ต้นทางมากกว่าจับกุมที่ปลายทาง ย้ำ นโยบายยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายให้ได้ 6,000 ล้าน

ที่สถาบันวิชาการ ทีโอที ถนนงามวงศ์วาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานบรรยายพิเศษเรื่อง  “แนวทางในการเอาชนะยาเสพติด” โครงการฝึกอบรมหลักสูตร อัยการผู้ช่วย รุ่นที่ 60 พ.ศ.2563 (สนามจิ๋ว) ภาควิชาการ โดยมี นายธนาวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค3 รักษาการตำแหน่ง อธิบดีอัยการ สำนักงานยาเสพติด ร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวบรรยายว่า เรื่องของยาเสพติดรัฐบาลได้แก้ไขปัญหามาเป็นเวลานาน และส่วนใหญ่ที่ได้เห็นจะเป็นการจับกุม องค์กรสากลที่ต่อต้านยาเสพติดที่มีบทบาท UNODC ระบุว่ามูลค่ายาเสพติดที่สามเหลี่ยมทองคำส่งออกขายทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าช่องทางขนส่งหลีกเลี่ยงพื้นที่ประเทศไทยไม่ได้ เมื่อขนส่งผ่านประเทศไทยจึงแวะขายด้วย ดังนั้นสากลเขามองประเทศเราอยู่ว่าเราช่วยเขาอย่างไรบ้าง ที่ผ่านมามีหลายประเทศที่มาหารือกับเรา ทั้งฝรั่งเศส สหรัฐฯ มีผู้ร้ายค้ายานำเงินมาฟอกในประเทศไทยก็เยอะ ตนได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของต่างประเทศอยู่หลายครั้ง ตั้งแต่ตนรับตำแหน่งมาปีเศษ ได้คุ้นเคยกับนายอุทัย ท่านเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามยาเสพติด แต่วันนี้ผลิตยาบ้าง่ายมาก เครื่องมือเมื่อก่อนเป็นหัวตอกธรรมดา ผลิตได้วันละ 2 แสนกว่าเม็ด แต่มาในช่วงปี 2559 เปลี่ยนเป็นไฮโดรริค ผลิตได้วันละ 6 ล้านกว่าเม็ด เป็นเพิงไม้เล็กๆเท่านั้นไม่ต้องตั้งโรงงานใหญ่อะไร ต้นทุนแค่ 55 สตางค์ สิ่งต่างๆเหล่านี้ถ้าเรามองดูว่าเราแค่ต้องการจับเอาเม็ดยาแล้วมาดำเนินคดีกับ คนขน คนขาย เราไม่มีวันไปหยุดยั้งและทำให้คนไทยไม่ติดยาได้เลย เพราะเราดำเนินการที่ปลายทาง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยาเสพติดเกี่ยวกับคนติดคุกอีกด้วย ประเทศไทยมีผู้ต้องขัง 380,000 คน โดย 80 %เป็นคดียาเสพติด วันนี้เราสร้างคุกเพิ่มไม่ไหว จึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้คนล้นคุก ตนคิดอยู่ตลอดตั้งแต่มาเป็นรัฐมนตรี  ซึ่งตอนนี้เราใกล้จะแก้ได้แล้ว  คือ 1.การทำเตียงนอน 2 ชั้น เรามีที่นอนให้เขาได้เกือบครบ 3 แสนตามความจุเรือนจำทั่วประเทศที่เรารองรับได้ แต่ 2 แสนกว่าคนเป็นนักโทษยาเสพติดหากเราปราบปรามและป้องกันได้ ปัญหาคนล้นคุกจะลดลงไปได้มาก 2.การติดกำไล EM ให้ผู้ต้องขัง ตอนนี้มี 3 หมื่นชุด และ 3.การแก้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งอยู่ในรัฐสภาแล้ว เอากฎหมายเก่าๆทั้งหมด รวมเป็นฉบับเดียว โดยโทษขั้นต่ำขั้นสูงจะสมดุลขึ้น เช่นนำยาบ้า เม็ดสองเม็ดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โทษเก่าคือ 10 ปีถึงตลอดชีวิต แต่ของใหม่จะเปลี่ยนมาตรฐานขั้นต่ำเป็น 0 -15 ปี อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ซึ่งจะช่วยลดปัญหาคนล้นคุกได้

“การปราบยาเสพติดต้องมีเทคโนโลยีสมัยใหม่กฎหมายที่เกี่ยวข้องต้องถูกแก้ให้เหมาะสม โดยเฉพาะการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดเพื่อให้เราสามารถสาวถึงผู้บงการทั้งหลาย งานของผมคือ การบูรณาการทั้งตำรวจ ทหาร อัยการ ดีเอสไอ ป.ป.ส. ให้ทำงานในทิศทางเดียวกัน เพราะกฎหมายไม่ใช่คณิตศาสตร์แต่เป็นความเข้าใจที่จะต้องไปทิศทางเดียวกัน เมื่อผมได้เห็นแนวทางในการหยุดยั้งยาเสพติดได้จึงประกาศเป็นนโยบายให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักรู้ว่าเราจะต้องยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้มากกว่าเดิม 10 เท่า คือ 6,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ผมเป็นนักการเมืองตั้งแต่ปี 2526 เป็นรัฐมนตรี 14 ครั้ง พื้นฐานตนไม่เคยเรียนกฎหมาย แต่รู้เรื่องการบริหารบ้าง เลยคิดว่าหากมองให้เป็นรูปธรรมแล้วตนเข้าใจ และอยากทำให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นรูปธรรม ที่ผ่านมาเราได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ยังแก้ไม่ได้ ดังนั้นเราต้องยืนด้วยลำแข้งของตนเองก่อน ไม่เช่นนั้นประเทศเราจะเป็นทาสของยาเสพติดไปอีกนาน” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น