“สมศักดิ์” เตรียมดึง เครือข่าย สสส.ช่วยผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน 

“สมศักดิ์” เผย เตรียมดึง เครือข่าย สสส.ช่วยผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน หวังลดงบประมาณ-นำส่วนต่างพัฒนาพื้นที่ เดินหน้าผลักดันสมุนไพรไทย จับมือ ตลาดไท-กรมการแพทย์แผนไทย เอ็มโอยูเพิ่มพื้นที่ขายสมุนไพร จาก 4,000 ตารางเมตร เป็น 7,000 ตารางเมตร ดันเป็นสมุนไพรระดับโลก คาดมีมูลค่า 1 แสนล้านบาท 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน” โดยมี นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ และเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ เข้าร่วม ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ชั้น 2 เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การมีสุขภาวะชุมชนที่ดี คือการอยู่ดี มีอาชีพมีรายได้ มีความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพตัวเอง ซึ่งกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จึงกำหนดให้แผนสุขภาวะชุมชน เป็น 1 ใน 15 แผนหลัก ตลอดช่วงเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายให้ชุมชนท้องถิ่น มีความเข้มแข็งในการจัดการตัวเอง ลดความเหลื่อมล้ำ สามารถรับมือกับวิกฤต ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตได้ พร้อมการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทย ส่งผลให้ปัจจัยกำหนดสุขภาวะชุมชน แต่ละพื้นที่มีความซับซ้อนไม่เหมือนกัน การแก้ปัญหาสุขภาวะของแต่ละชุมชน จึงแตกต่างกันไป

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สสส. เพียงหน่วยงานเดียว ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตามแผนได้ จึงจำเป็นจะต้องมีภาคีเครือข่ายเข้ามาร่วมคิด ร่วมดำเนินการ หรือมาสานพลัง สร้างนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่” ที่เป็นเครือข่ายสำคัญ ในการขับเคลื่อนประเด็นนี้ โดยตนเชื่อมั่นว่า การสานพลัง สร้างนวัตกรรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากองค์ความรู้และประสบการณ์ ของเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพกว่า 4,000 คน ที่อยู่ในที่นี้ ทั้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ สถาบันวิชาการ องค์กรภาคเอกชน จะนำไปสู่เป้าหมาย การสร้างสุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืนได้

โดยนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า กิจกรรมวันนี้ เป็นการรวมกลุ่ม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ทั้งการแก้ปัญหาการขาดสารอาหาร แก้ปัญหาคนยากจน ลดเหล้า เลิกบุหรี่  โดยเป็นการให้ความรู้ทุกครัวเรือน เช่น การเพิ่มไอโอดีนในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะถ้าน้อยกว่า 150 หน่วย ก็จะเกิดไอคิวลดลงในเด็ก ส่วนผู้ใหญ่ ก็จะเป็นโรคต่างๆ จึงมีการแก้ด้วยการเติมไอโอดีนเข้าไปในอาหารแบบอินทรีย์ โดยจะแก้ปัญหาได้ ซึ่งเป็นการดูแลประชาชนทั้งประเทศ ถือว่า เป็นเครือข่ายที่ดีมาก จึงขอชื่นชมการทำงานของ สสส. 

เมื่อถามว่า ได้เน้นย้ำการทำงานของ สสส.อะไรบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้ฝาก สสส.ให้ช่วยดูเรื่องการเจ็บป่วย เช่น เบาหวาน ตนมองว่า สสส.สามารถช่วยได้ ดังนั้น เราต้องไปดูค่าใช้จ่ายโรคเบาหวานเท่าไหร่ จะได้ให้ชุมชนเข้ามาช่วยว่าผู้ป่วยเบาหวานควรบริโภคอย่างไร ส่วนงบประมาณที่ลดลงไปจากการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ก็ต้องมาดูว่า จะแบ่งปันให้ชุมชนพัฒนาตัวเองได้หรือไม่ จึงถือว่า เป็นเรื่องการบริหารร่วมกัน

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ตลาดกลางสมุนไพรไทย” ระหว่าง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กับ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) โดยมี นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เข้าร่วม ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการยกระดับผลิตภัณฑ์สมุนไพร ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนช่องทางการจำหน่าย สร้างตลาดกลางสมุนไพร เพื่อผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรม และผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นสักขีพยานการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก และตลาดไท ซึ่งตลาดไท เป็นตลาดกลางสินค้าการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ที่ใช้ดำเนินโครงการตลาดสมุนไพร และเครื่องเทศสดปลอดภัย ตั้งแต่ปี 2563 มีปริมาณสินค้า กว่า 210,366 ตัน และสร้างมูลค่าการซื้อขาย สูงถึงกว่า 9,000 ล้านบาท 

“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยขยายพื้นที่ค้าขายเป็น 7,000 ตารางเมตร เพิ่มกลุ่มผู้ขายรายใหม่ เพิ่มความหลากหลายของสินค้า ขยายตลาดกลุ่มผู้ซื้อ คาดว่าจะเพิ่มปริมาณสินค้าได้มากกว่า 96,000 ตันต่อปี ผลักดันให้มีมูลค่าสมุนไพรในตลาดกลาง มากกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น การร่วมมือกันพัฒนาตลาดกลางสมุนไพรไทย จะเป็นก้าวสำคัญ ที่ช่วยยกระดับตลาดกลางสมุนไพร ส่งผลให้เกษตรกรมีพื้นที่จำหน่ายสมุนไพร ในราคาที่เป็นธรรม ยกระดับคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพรให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ตามความต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศ และช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศให้ดียิ่งขึ้นไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว 

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ ได้รับความร่วมมือจากตลาดไท ช่วยเพิ่มพื้นที่ขายสมุนไพรไทย โดยขณะนี้ มีพื้นที่ขายสมุนไพรอยู่แล้วประมาณ 4,000 ตารางเตร จะขยายเป็น 7,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นการสนับสนุนส่งเสริม และต่อยอดสินค้าสมุนไพรไปสู่ทั่วโลกได้ โดยตนคาดว่า ตลาดสมุนไพรไทย จะมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท

ขณะที่ นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ตลาดไท ยินดีให้ความร่วมมือผลักดันสมุนไพรไทย ให้เป็นระดับโลก ซึ่งต้องอาศัยการจัดจำหน่าย โดยตลาดไท มีศักยภาพเต็มที่ และจะเพิ่มพื้นที่ขายจาก 4,000 ตารางเมตร อาจขยายเพิ่มอีกเป็น 10,000 ตารางเมตร ซึ่งตนจะร่วมมือทุกรูปแบบ เพื่อทำให้ตลาดสมุนไพรไทย และเกษตรกรไทยเจริญเติบโต

แสดงความเห็น