“สมศักดิ์” ต่อสายตรงหาอธิบดี DSI-อธิบดีปศุสัตว์ ปราบเนื้อหมูเถื่อน พร้อมเร่งฝังกลบ ทำลาย

“สมศักดิ์” ต่อสายตรง หา อธิบดี DSI และ อธิบดีปศุสัตว์ ขอเร่งปราบปรามเนื้อสุกรเถื่อนจากต่างประเทศ  พร้อมเร่งฝังกลบทำลายให้จบภายในสัปดาห์นี้ หลังสังคมไม่สบายใจ หวั่นถูกนำกลับมาเวียนขายในตลาด ด้าน “วิสุทธิ์” จี้รัฐบาลรักษาการหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลัง พร้อมหาแนวทางช่วยเกษตรกร หลังพบปัญหาผู้ประกอบการขาดทุนเพราะการปล่อยให้ลักลอบสำแดงเท็จเนื้อสุกร 

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ประธานยุทธศาสตร์การเกษตร พรรคเพื่อไทย  มีเรื่องร้องเรียนมายังตนด่วน ในเรื่องของปัญหา การลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรด้วยวิธีการสำแดงเท็จ ซึ่งเรื่องนี้พรรคเพื่อไทย ได้ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ก่อนยุบสภาในชั้นกรรมาธิการ และมีการต่อว่าขั้นตอนการทำงานของหน่วยงานรัฐที่ปล่อยปละละเลย จนส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรต้องประสบปัญหาราคาตกต่ำ เพราะการลักลอบนำเข้าจนทำให้ผู้ค้าบางรายต้องขาดทุนจนหมดเนื้อหมดตัว ตนขอประกาศไว้ตรงนี้ พรรคเพื่อไทย จะติดตามผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำลายกลไกทางการตลาด ซึ่งขบวนการเหล่านี้ ทำให้กลไกทางการตลาดของประเทศไทยนั้น สูญเสียรายได้ไป หลายพันล้านบาท นอกจากนี้ตนยังอยากจะฝากไปยังรัฐบาลรักษาการ ให้มีแนวทางการทำงานที่เข้มงวดมากกว่านี้ เพราะคนที่ได้รับผลกระทบ คือเกษตรกร

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ต่อสายด่วนกลางดึก เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ไปยัง พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่า การเผาทำลายนั้นเป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ที่ต้องเตรียมสถานที่ในการฝังกลบ และอีกประเด็นที่สำคัญคือ การฝังกลบนั้น ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฝังกลบคือ ผู้ลักลอบนำเข้า 

เวลานี้จากการอายัดของ ดีเอสไอ คือ 161 ตู้  ผู้ประกอบการยินยอมจ่ายค่าฝังกลบ 78 ตู้ อีก 83 ตู้นั้น ยังมีการต่อสู้ทางคดี จึงยังไม่สามารถนำไปทำลายได้ ดังนั้นดีเอสไอจะเซ็นหนังสือ เพื่อส่งมอบ 78 ตู้ให้กรมศุลกากรส่งต่อให้กรมปศุสัตว์ฝังกลบให้ไวที่สุด ดังนั้นตนได้กำชับว่าเรื่องนี้ต้องจบภายในสัปดาห์นี้ และทำให้เกษตรกรนั้นสบายใจที่สุด และวางใจได้ว่าหมูเหล่านี้จะไม่ถูกนำมาเวียนขายในตลาดอีก และหากพบว่ามีการนำกลับมาขาย  หรือเนื้อสุกรที่อายัดไว้หายไป ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด  ส่วนในประเด็นกระแสข่าวพบเนื้อสุกรอีก 400 ตู้ตามที่สื่อนำเสนอก็ขอให้ดีเอสไอชี้แจงเพิ่มเติมว่าจริงหรือไม่

นอกจากนี้ตนยังได้พูดคุยกับ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ว่ามีแนวทางอย่างไรในการทำลาย ฝังกลบชิ้นส่วนสุกรนำเข้า ซึ่งได้รับแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการขุดหลุม เพื่อทำลายเนื้อสุกรไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์จังหวัดสระแก้ว โดยหลุมมีขนาดขนาดกว้าง 9 เมตร สูง 3 เมตร ยาว 150 เมตร เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมการฝังกลบ เวลานี้รอเพียงการส่งมอบเท่านั้น ส่วนการลำเลียงไปฝังกลบ จะมีรถของกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และ ดีเอสไอประกบหัวท้าย เพื่อความสบายใจว่าจะไม่มีเนื้อสุกรหายระหว่างทาง โดยจะใช้เวลาในการฝังกลบ 2 วันก็จะเสร็จสิ้น

“ผมได้กำชับไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า การลักลอบนำเนื้อสุกรเข้าประเทศเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างมาก กลไกราคาสุกรพังพินาศ คนเลี้ยงก็ตาย คนขายก็ขาดทุน ดังนั้นต้องช่วยกัน ทำให้เกษตรกรหมดปัญหาเหล่านี้ การฝังกลบต้องทำให้สังคมเกษตรกรสบายใจว่าสุกรเหล่านี้จะไม่กลับมาเวียนขายในตลาดอีก”

นายสมศักดิ์ ยังระบุอีกว่า ปัญหาของเนื้อสุกรราคาตกต่ำในเวลานี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ดี การสั่งซื้อจากต่างประเทศจึงลดลง ดังนั้นเมื่อมีรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะผลักดันและบูรณาการ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร ต้องกวดขันป้องกัน หาแนวทางการสำแดงเท็จ เพื่อไม่ให้ลักลอบนำสุกรเข้าสู่ประเทศไทยได้ กรมปศุสัตว์ ต้องหมั่นตรวจตรา ตรวจสอบ พัฒนา ไม่ให้พ่อค้าคนกลางกดราคาผู้ค้าสุกรได้ รวมถึง หาตลาด การส่งออกเนื้อสุกรให้แก่เกษตรกรมากขึ้น กระทรวงพาณิชย์ จะต้องคอยตรวจสอบห้องเย็น รวมถึงหาแนวทางทำให้ราคาอาหารสัตว์นั้น มีราคาถูกลงกว่าปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้หากหน่วยงานข้างต้นร่วมแรงร่วมใจ เกษตรกรจะเดินต่อไปได้ 

“ผมเชื่อว่า เมื่อมีรัฐบาล เรื่องการปราบปรามหมูเถื่อนจะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะที่ผ่านมาสร้างความสูญเสียให้กับประเทศเป็นระดับพันล้าน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการ ทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง เพื่อไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น และที่สำคัญ รัฐบาลใหม่ต้องทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเรื่องเกษตรกรรมถือเป็นนโยบายของทุกพรรคในการหาเสียง และพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งเกษตรกร” นายสมศักดิ์ กล่าว

แสดงความเห็น