รัฐบาล ปลื้ม ยอดใช้จ่ายผ่านมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐทะลุ 7.7 หมื่นล้านบาท แจงปรับลดจำนวนสิทธิคนละครึ่ง เฟส 3 และยิ่งใช้ยิ่งได้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ขณะ “นายกฯ”กำชับดูแลทุกกลุ่มเพื่อพลิกโฉมประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการเยียวยาและมาตรการพลิกโฉมประเทศ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จากวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาทิ มาตรการบรรเทาภาระค่าสาธารณูปโภค มาตรการบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา มาตรการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 โครงการเยียวยาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการกลับมาเปิดกิจการร้านอาหาร รวมถึงร้านค้าต่างๆ ตามเงื่อนไข COVID-Free Setting ประชาชนเริ่มเชื่อมั่น ออกมาใช้จ่ายมากขึ้นภายใต้การป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล Universal Prevention อย่างระมัดระวังสูงสุด ทำให้ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 39.01 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 77,755.2 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 24.27 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 66,911.6 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 34,044.2 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 32,867.4 ล้านบาท
2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 76,219 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,254 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 94.5 ล้านบาท
3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.53 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 7,937.7 ล้านบาท และ 4) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.13 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 557.4 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังปรับปรุงรายละเอียดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทะเบียนของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ 1.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 31 ล้านสิทธิ เป็น 28 ล้านสิทธิ 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิจากเดิม 1.4 ล้านสิทธิเป็น 1 ล้านสิทธิ โดยในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ กระทรวงการคลังจะโอนเงินคนละครึ่งรอบที่ 2 จำนวน 1,500 บาท โดยเชื่อมกับระบบ Food Delivery Platform ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ซึ่งขณะนี้มี Grab และ Lineman ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้ว ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเข้าถึงบริการได้มากขึ้น สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ New Normal ในยุคโควิด-19 และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในไตรมาสที่ 4 ระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคมของปี 2564 ให้ขยายตัวมากขึ้นด้วย
“ขณะนี้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 คงเหลือประมาณ 1 ล้านสิทธิ และสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้เหลือประมาณ 5 แสนสิทธิ ขอเชิญชวนประชาชนผู้ที่ไม่เคยรับสิทธิ ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จนกว่าสิทธิจะเต็ม ผ่านทางแอพพลิเคชันเป๋าตัง เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของท่านนายกฯ ในการช่วยเหลือบรรเทาภาระประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 เพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่ม และให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไป” นายธนกร กล่าว