“สมศักดิ์” เผย กมธ.พืชกระท่อมถกราบรื่น สภาเปิดบรรจุวาระได้ทันที ยัน เสร็จทันกรอบ 24 ส.ค.แน่นอน พร้อมเปิดปลูกฟรีสไตล์ไม่ต้องขออนุญาต แต่จะทำผลิตภัณฑ์ต้องขอ อย. พร้อมควบคุมคุณภาพการส่งออกไม่ให้ราคาตก
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. …. กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.พืชกระท่อม ว่า ล่าสุดในการประชุมเมื่อวันที่ 14 ก.ค. กมธ.ได้พิจารณาจบทั้ง 49 มาตราแล้ว แต่ยังมีบางมาตราที่แขวนรอการพิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้กมธ.ได้มีการตัดบางมาตราและเพิ่มมาตราใหม่ขึ้นมาแทน เพราะจากร่างที่เราพิจารณาฉบับนี้เป็นร่างที่ปรับแก้จากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เป็นการเขียนกฎหมายเพื่อกฎหมาย เพราะกลัวว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงมีการเพิ่มอีกหลายมาตราขึ้นมา แตกต่างจากเจตนารมณ์เดิมที่กระทรวงยุติธรรมได้เสนอมาแค่ 19 มาตรา คือการเขียนกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและประชาชน ต้องทำให้ไม่ยาก กมธ.จึงได้หารือและปรับบางมาตราให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์เดิมแต่ต้องไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ โดยในเบื้องต้นเรื่องการปลูกจะไม่จำกัดจำนวนต้นและไม่ต้องขออนุญาต จะเปิดให้ปลูกแบบฟรีสไตล์หลังจากวันที่ 24 ส.ค. 2564 เป็นต้นไป แต่การจะทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆจะต้องไปขออนุญาตกับ องค์การอาหารและยา (อย.)
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การใช้และการขาย มีข้อห้ามว่าห้ามขายให้กับเด็กและสตรีมีครรภ์ รวมทั้งการห้ามนำไปผสมกับสารเสพติดชนิดอื่น และจะมีการควบคุมในการทำเป็นสินค้าส่งออก เพื่อให้มีคุณภาพและราคาไม่ตก ตรงนี้จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ ซึ่งจากการประชุมถือว่าราบรื่นดี กมธ.ทุกคนเห็นไปในทิศทางเดียวกัน และจากการที่ตนได้พูดคุยกับ ส.ส. ส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไร พวกเขายึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนของ ส.ว. เมื่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสร็จและส่งร่างกฎหมายไป หากร่างกฎหมายไม่ผิดรัฐธรรมนูญหรือขัดกับกฎหมายอื่นๆก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งในส่วนของกมธ.จะพิจารณาเสร็จก่อนเปิดประชุมสภาแน่นอน เพราะเหลือแค่ปรับอีกเล็กน้อยก็จะเสร็จแล้ว ดังนั้นตนเชื่อว่า กฎหมายฉบับนี้จะเสร็จทันกรอบเวลาคือ 24 ส.ค.อย่างแน่นอน
“ขอให้พี่น้องประชาชนอดทนรอกันอีกสักนิด ต้องขอย้ำเตือนว่าตอนนี้พืชกระท่อมยังผิดกฎหมายอยู่ แต่อีกแค่เดือนเศษก็จะสามารถปลูกและใช้กันได้อย่างเสรีแล้ว ตอนนี้กมธ.ทุกท่านกำลังเร่งประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายให้ออกมาดีที่สุด เพื่อให้ชาวบ้านชนบทใช้กันได้ตามวิถีปกติ รวมทั้งการปลูกเพื่อจำหน่ายและกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ได้” นายสมศักดิ์ กล่าว