ทบ.ยกระดับมาตรการป้องโควิด-19 ช่วงสงกรานต์ สนับสนุนรบ. ดูแลปชช.

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในห้วงเดือนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อแพร่กระจายไปทั่วเป็นจำนวนมากจากกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงกับหลายกลุ่มคนและสถานที่หลายแห่ง รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ปรับมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งต้องมีการเดินทางสัญจรของผู้คนเป็นจำนวนมาก พร้อมกับมีการเฉลิมฉลองสังสรรค์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค

พล.ท.สันติพงศ์  กล่าวอีกว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก จึงได้ปรับมาตรการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยได้กำหนด “มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกำลังพลหน่วยทหารและค่ายทหาร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์” ซึ่งเน้นย้ำกำลังพลและหน่วยทหารให้ปฏิบัติตามวินัยทหารต้านโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อาทิ การบันทึกไทม์ไลน์สถานที่เดินทาง, หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่แออัด, การแสกนแอปพลิเคชันไทยชนะ/หมอชนะ ในทุกสถานที่ ที่ได้เดินทางไปตลอดห้วงเทศกาลหรือช่วงลาพักกลับภูมิลำเนา จนกระทั่งกลับเข้าทำงานตามปกติ กรณีเป็นผู้ที่พักอาศัยบ้านพักของทางราชการ จะต้องแจ้งข้อมูลการเดินทางให้หัวหน้าที่พักอาศัยทราบ รวมถึงเมื่อกลับจากการเดินทางแล้ว จะต้องตรวจคัดกรองโรคก่อนกลับเข้าพักอาศัย นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่างทางสังคม, สวมหน้ากากอนามัย, หมั่นล้างมือ และใช้เจลแอลกอฮอล์ 

สำหรับหน่วยทหาร ให้งดจัดกิจกรรมสงกรานต์ เว้นการสรงน้ำพระ และเมื่อเปิดทำการหลังเทศกาล จะต้องตรวจคัดกรองกำลังพลทุกนายก่อนกลับเข้าปฏิบัติงาน โดยกองรักษาการณ์ของทุกหน่วยทหารจะต้องทำหน้าที่เฝ้าระวัง บันทึกข้อมูลการเข้า-ออก พร้อมคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด ในส่วนของการจัดตั้งจุดบริการและอำนวยความสะดวกประชาชนห้วงเทศกาลสงกรานต์ ให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกนายปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเข้มงวดตลอดการปฏิบัติงาน

“การยกระดับมาตรการช่วงสงกรานต์นี้ เป็นการพิทักษ์กำลังพลและครอบครัวให้ปลอดภัยจากโควิด พร้อมปฏิบัติงานและสนับสนุนรัฐบาลในการอำนวยความสะดวก ดูแลช่วยเหลือ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างเข้มแข็งต่อไป” พล.ท.สันติพงศ์  กล่าว 

แสดงความเห็น