

โดย “ดาบสองคม”
ในระบอบประชาธิปไตย ประชามติคือเสียงของประชาชน แต่กรณี MOU 43 กลับกลายเป็นเครื่องมือให้รัฐบาล ผลักเรื่องใหญ่ระดับนโยบายให้ประชาชนตัดสิน ทั้งที่หลายคนยังไม่รู้ว่า MOU 43 คืออะไร ทำไปทำไม และจะส่งผลอย่างไร
รัฐบาลอ้างว่า “นี่คือการให้ประชาชนมีส่วนร่วม” ฟังดูดี แต่จริง ๆ คือการยื่น กับระเบิดให้ประชาชนถือ หากเกิดผลลัพธ์ไม่เป็นใจ รัฐบาลสามารถบอกได้ว่า “ประชาชนตัดสินเอง” นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม แต่คือ ประชาธิปไตยแบบปัดความรับผิดชอบ
หัวใจของประชามติไม่ได้อยู่ที่การให้ลงคะแนน แต่ต้องเริ่มจาก ความเข้าใจของประชาชน ก่อนลงคะแนน รัฐบาลได้ให้ ข้อมูลรอบด้านเพียงพอหรือไม่? หรือแค่โยนคำถามสั้น ๆ ให้เลือก “ใช่/ไม่ใช่” โดยไม่มีบริบทหรือผลลัพธ์ให้คิดต่อ
ในเมื่อประชาชน ไม่ได้เจรจา ไม่เห็นเอกสารแนบท้าย ไม่รู้เงื่อนไขเชิงเทคนิค จะให้ตัดสินได้อย่างไร ว่า “ควรยกเลิก” หรือ “ไม่ควรยกเลิก”
มันไม่ต่างจากการให้คนเลือกว่า จะตัดสายแดงหรือสายเขียว ทั้งที่ไม่รู้ว่าระเบิดลูกไหนจะระเบิดก่อนรัฐบาลอาจมองว่าประชามติเป็นทางรอดทางการเมือง เพราะสามารถใช้ผลประชามติเป็นเกราะป้องกันได้
แต่สิ่งที่ลืมคิดคือ ความน่าเชื่อถือของกระบวนการ หากเสียงที่ออกมาเกิดจาก ความไม่เข้าใจ มันจะสร้าง ความแตกแยกในสังคม เพราะไม่สะท้อนเจตนาที่แท้จริงของประชาชน
ประชามติไม่ใช่ เกมโชว์ ให้ใครกดปุ่มตอบอะไรก็ได้ แต่คือ กระบวนการตัดสินใจของประเทศ ที่ต้องเริ่มจาก ข้อมูลครบ ถูกต้อง และเข้าใจง่าย
ผู้มีอำนาจคือคน ตั้งคำถาม จัดกระบวนการ และควบคุมข้อมูล ประชาชนเป็นเพียงผู้ตอบในเกมที่รัฐบาลวางไว้แล้ว
ประชาธิปไตยไม่ใช่การโยนคำถามให้ประชาชนเลือกโดยไม่รู้เรื่อง แต่คือการ ให้ความรู้ก่อนให้สิทธิ์ หากรัฐบาลเข้าใจ ประชามติก็จะเป็น เกราะป้องกันประเทศ แต่ถ้ายังใช้มันเป็น เกราะป้องกันตัวเอง
ดาบที่ชื่อ “ประชามติ” จะหันกลับมาบาดรัฐบาลเอง และคมของมันอาจ ลึกกว่าที่คิด
แสดงความเห็น





